data-ad-format="autorelaxed">
กล้วยน้ำว้า ผลไม้ไทย ที่มีมาแต่รู้โบราณ คนไทยรู้จักกล้วยน้ำว้าดีพอ ๆ กับกล้วยไข่หรือกล้วยหอม ยิ่งถ้าเป็นคุณค่าสารอาหารที่ได้รับแล้ว มากประโยชน์ถึงขั้นที่เรียกว่าต้องรีบไปหามากินกันเลยทีเดียว
กล้วยน้ำว้าดีอย่างไร
กล้วยน้ำว้า ถึงจะเป็นผลไม้ ที่ไม่น่าจะให้พลังงานได้เยอะ แต่เชื่อหรือไม่ว่า กล้วยเป็นแหล่งพลังงานสำรองชั้นดี ในกล้วย 1 ผล สามารถให้พลังงานได้ร่วม 100 แคลอรี่ มีน้ำตาลธรรมชาติอยู่ 3 ชนิด ทั้ง ซูโครส ฟรุคโทส และกลูโครส รวมไปถึงเส้นใยและกากอาหาร ดังนั้น ถ้าหากหิว ก็สามารถทานกล้วยรองท้องได้ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของกล้วยที่กิน เช่น กล้วยไข่ อาจทานได้มากกว่า 3 ผล ต่อ 1 ครั้ง กล้วยน้ำว้า 1-2 ผล กล้วยหอม 1-1 ครึ่งผล) และในกล้วยเอง ยังอุดมด้วย วิตามินบี 6 ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน แถมแร่ธาตุอย่างแมกนีเซียมและโพแทสเซียม ที่ช่วยป้องกันโรคความดันอีกด้วย
สุขภาพดีได้ง่าย ๆ กับกล้วยน้ำว้าอย่างน้อย วันละ 1-2 ผล
ในบรรดากล้วยทั้งหมด กล้วยน้ำว้าให้วิตามินเอสูงสุด นอกจากนั้นก็ยังมีวิตามินบี 1 บี 2 ซี และไนอะซิน (บี 6) ในปริมาณที่เท่า ๆ กัน แต่ที่ทำให้กล้วยน้ำว้า มีคุณค่าสารอาหารที่พิเศษกว่ากล้วยชนิดอื่น นั่นก็คือ โปรตีนที่อยู่ในกล้วยน้ำว้า มีกรดอะมิโน อาร์จินิน และฮีสติดิน ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก ถึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตอนเด็ก ๆ ผู้ใหญ่ถึงให้เรากินกล้วยบด เพราะอุดมด้วยสารอาหาร และวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายเรานั่นเอง
นอกจากนี้กล้วยน้ำว้า ยังมีสรรพคุณในทางยาอีกด้วย มาดูว่ามีอะไรบ้าง
1.ช่วยบรรเทาอาหารเจ็บคอ หรืออาการเจ็บหน้าอกจากการไอแห้ง ๆ ทานวันละ 5-6 ผล จะช่วยให้อาการระคายเคืองลดน้อยลงไปมาก
2.ถ้าใครมีกลิ่นปากรุนแรงในตอนเช้า กล้วยน้ำว้าก็มีสรรพคุณทางยาช่วยลดกลิ่นปากได้ดี วิธีการคือ ทานกล้วยน้ำว้าหลังตื่นนอนทันที แล้วค่อยแปรงฟัน จะช่วยลดกลิ่นปากได้ นอกจากนี้ยังเป็นยาระบายช่วยแก้ท้องผูก หรือ ระบบขับถ่ายไม่ปกติ เนื่องมาจากสารเพคติน จะเป็นตัวเพิ่มใยอาหารให้กับลำไส้ เมื่อลำไส้อีกกากอาหารมาก จะไปดันผนังลำไส้ ทำให้ผนังลำไส้เกิดการบีบตัว จึงทำให้รู้สึกอย่างถ่ายนั่นเอง ทั้งนี้วิธีการแก้อาการท้องผูกอีกวิธีหนึ่ง คือให้ทานกล้วยน้ำว้าสุข 1-2 ผล ก่อนนอน แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ จะช่วยให้ถ่ายท้องได้ดีในวันรุ่งขึ้น
3.กล้วยน้ำว้า แก้ท้องผูกได้ ก็สามารถแก้ท้องเดินหรือท้องเสียได้ ทั้งนี้เพราะในกล้วยน้ำว้ามีสารแทนนินอยู่มาก จึงสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียแบบไม่รุนแรงได้ ใช้กล้วยน้ำว้าดิบหรือห่ามมาปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นบางๆ ใส่น้ำพอท่วมยา ต้มนานครึ่งชั่วโมง ดื่มครั้งละ 1/2 - 1 ถ้วยแก้ว ให้ดื่มทุกครั้งที่ถ่าย หรือทุกๆ 1-2 ชั่วโมง ใน 4-5 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นให้ดื่มทุก ๆ 3-4 ชั่วโมง หรือวันละ 3-4 ครั้ง
4.กล้วยน้ำว้ายังสามารถรักษาโรคกระเพาะได้ โดยการนำกล้วยนำว้าดิบ มาปอกเปลือก แล้วนำเนื้อมาฝานเป็นแผ่นบาง ๆ แตกแดด 2 วันให้แห้งกรอบ บดเป็นผงให้ละเอียด ใช้ทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำข้าว หรือน้ำผึ้ง ทานก่อนอาหาร ครึ่งชั่วโมง หรือก่อนนอนทุกวัน ทั้งนี้ในกล้วยดิบ จะกระตุ้นเซลล์ในเยื่อบุกระเพาะเพื่อหลั่งสารพวก “มิวซิน” ออกมาเคลือบกระเพาะ ซึ่งมีฤทธิ์ในการรักษาแผลในกระเพาะ
5.เปลือกของกล้วยน้ำว้า ช่วยบรรเทาอาการคันอันเนื่องมาจาก แมลงกัดต่อย และผื่นแดงจากอาการคัน นอกจากนี้เนื้อและเปลือกกล้วย มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดหนองได้ นอกจากนี้ กล้วยน้ำว้า ยังมีสรรพคุณทานเป็นอายุวัฒนะอีกด้วย ซึ่งได้รับความนิยมมาตั้งแต่โบราณ วิธีการคือนำกล้วยสุกปอกเปลือกออก แล้วนำไปแช่กับน้ำผึ้ง ซัก 1 สัปดาห์ แล้วจึงนำมาทานวันละ 1-2 ผล จะช่วยบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงได้
อ้างอิง : http://www.never-age.com/