data-ad-format="autorelaxed">
ปลูกสับปะรด ที่อีสานเหนือ
นายคมสัน จำรูญพงษ์ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 ได้จัดทำรายงานผลการศึกษาเศรษฐกิจการผลิตการตลาดสับปะรดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
ได้แก่ จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ และนครพนม เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนของการผลิตและการตลาด สำหรับนำไปใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานให้เกษตรกรใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุนผลิตสับปะรด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลประกอบการวางแผนการพัฒนาการบริหารจัดการระบบการผลิตการตลาดสับปะรดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เกษตรกรตัวอย่าง จำนวน 84 ราย และผู้ประกอบการจำนวน 15 ราย
ผลการศึกษาพบว่าพื้นที่ปลูกสับปะรดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 4 จังหวัด ปี 2558 รวม 416 ไร่ แบ่งเป็นปลูกแบบแปลงเดี่ยว จำนวน 358.5 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 86 และปลูกแซมสวนยางพารา จำนวน 57.5 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 14 ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่เลือกปลูกพันธุ์สาย น้ำผึ้ง ร้อยละ 76 ปัตตาเวีย ร้อยละ 14 สายพันธุ์อื่น ๆ ร้อยละ10 โดยนิยมใช้หน่อในการเพาะปลูก
สำหรับต้นทุนการผลิตสับปะรด พบว่า มีต้นทุนการผลิตรวมทั้งหมดเฉลี่ยอยู่ที่ 13,314.07 บาทต่อไร่ ซึ่งมีผลผลิตเฉลี่ย 5,639.90 กิโลกรัมต่อไร่ หากคิดต้นทุนการผลิตเฉลี่ยต่อกิโลกรัม พบว่า ต้นทุนทั้งหมดเฉลี่ย 2.36 บาทต่อกิโลกรัม เป็นต้นทุนผันแปร 2.18 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 9.13 บาทต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้ เกษตรกรได้รับผลตอบแทนโดยรวมเฉลี่ย 51,492.32 บาทต่อไร่ คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิ 38,178.25 บาทต่อไร่ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนต่อต้นทุนการผลิตทั้งหมดอยู่ที่ 3.87 บาทต่อกิโลกรัม
ด้านการตลาด พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่จะขายให้พ่อค้าผู้รวบรวมผลผลิต ร้อยละ 54 รองลงมาคือ ตัวแทนบริษัทหรือโรงงาน ร้อยละ 22 พ่อค้าต่างถิ่น ร้อยละ 20 และเกษตรกรเก็บไว้ขายเองที่ตลาด ร้อยละ 4
ทั้งนี้ พ่อค้าผู้รวบรวมผลผลิตและพ่อค้าต่างถิ่น จะขายต่อให้กับพ่อค้าปลีกและนำออกสู่ตลาดเพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภค เพื่อบริโภคผลสด คิดเป็นร้อยละ 78 และตัวแทนบริษัทนำไปขายต่อให้โรงงานแปรรูป เพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภคในรูปผลิตภัณฑ์แปรรูป คิดเป็นร้อยละ 22
และจากการศึกษายังพบข้อเสนอแนะเพิ่มเติมด้วยว่าสับปะรดเป็นพืชที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ฉะนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการศึกษาและปรับปรุงสายพันธุ์สับปะรดให้มีลักษณะเด่น โดยเฉพาะสับปะรดบริโภคผลสดพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดเลย เนื่องจากเกษตรกรหันมาให้ความสนใจปลูกเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มที่มากขึ้น อีกทั้งควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ความรู้เรื่องการจัดการน้ำ เช่น ระบบน้ำหยด ระบบสปริงเกลอร์
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับดอกและผลผลิตให้ออกนอกฤดู จะทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าทางการตลาด ลดความเสี่ยงเรื่องตลาด และความเสี่ยงจากสภาพอากาศภัยแล้ง ได้อีกด้วย
source: dailynews.co.th/agriculture/529415