data-ad-format="autorelaxed">
จังหวัดนครพนม มีพื้นที่ติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิมีชื่อเสียงระดับประเทศหลายปีซ้อน เกษตรกรจะนิยมเพาะปลูกข้าวนาปีและนาปรังเป็นพืชหลัก เพราะมีระบบส่งน้ำชลประทานในหลายพื้นที่ รองลงมาเป็นใบยาสูบ ที่ปลูกกันตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโขง และปลูกต้นยางพารากระจายในหลายอำเภอ
แต่ยังมีเกษตรกรคุณลุงวัยกว่า 70 ปี คนขยัน เพาะชำต้นโป๊ยเซียน ไม้ดอกไม้ประดับกว่า 100 สายพันธุ์ จำนวนมากกว่า 20,000 กระถาง ทำเงินในช่วงต้นฤดูฝน มีพ่อค้า แม่ค้า จากหลายจังหวัดในภาคอีสาน และชาวลาวมารับซื้อถึงสวน ทำเงินเป็นล่ำเป็นสัน สร้างงาน สร้างอาชีพให้ชาวบ้าน 15 คน ที่มารับจ้างหลังเพาะชำพืชผักสวนครัวไว้ขายอีกด้วย
คุณลุงสมชาติ ปิ่นทอง อายุ 72 ปี กล่าวว่า พื้นเพตนเป็นคนจังหวัดนครสวรรค์ เรียนจบจากแม่โจ้ รุ่น 26...มารับราชการเป็นหัวหน้าอนุรักษ์ดินและน้ำ ศูนย์พัฒนาที่ดินนครพนม ตั้งแต่ปี 2509 จนปัจจุบันอาศัยอยู่ที่นครพนม นาน 50 ปี หลังลาออกจากราชการได้ 10 ปี เพื่อมาทำสวน โดยตนจะเปิดอินเตอร์เน็ต กลูเกิ้ล ศึกษาการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ พืชผักสวนครัว ลองผิดลองถูก จนปัจจุบันมีความชำนาญ จนรู้แทบจะทุกเรื่องในการเพาะชำ ขั้นตอนดูแลรักษาพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ
คุณลุงสมชาติ เล่าว่า ช่วงที่โป๊ยเซียนกำลังฮิต ตนซื้อมาแต่ละพันธุ์ต่ำสุดตกกระถางละ 1,000 บาท บางพันธุ์ที่หายากซื้อราคาสูงถึงต้นละ 20,000 บาท เพาะเลี้ยงและปลูกมาเรื่อยมากกว่า 20 ปีแล้ว พันธุ์โป๊ยเซียนมีมากหลายสายพันธุ์ มีทั้งดอกเล็ก ดอกใหญ่ และมีทุกสี ยกเว้นโป๊ยเซียนดอกสีดำ และสีน้ำเงิน
หากเพาะพันธุ์โดยการใช้เมล็ด จะใช้เวลานานถึง 1 ปี ส่วนใหญ่ตนจะใช้วิธีคัดต้นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ตัดต่อยอดเสียบกิ่ง
นักเพาะเลี้ยงมืออาชีพจะอาศัยแมลงผสมเกสร เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่
คุณลุงสมชาติ กล่าวด้วยว่า ตนเช่าที่ดินเนื้อที่กว่า 10 ไร่ เลขที่ 136 หมู่ที่ 3 บ้านขามเฒ่า ตำบลขามเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ริมถนนทางหลวง 212 สายนครพนม-ธาตุพนม ในชื่อสวนโป๊ยเซียน นครพนม ไว้เพาะเลี้ยง โป๊ยเซียน อาทิ พันธุ์นครพิงค์ กำไรเพิ่มพูน ระฆังทอง เพชรน้ำหนึ่ง บัลลังก์เงิน เป็นต้น ปัจจุบันมีมากกว่า 20,000 กระถาง แต่ที่เพาะพันธุ์โป๊ยเซียนเพิ่มใหม่ในชื่อ “สาวนครพนม”
โป๊ยเซียนที่นี่จะเลี้ยงโดยธรรมชาติ ไม่ฉีดพ่นยา วางไว้กลางแจ้ง ชอบอากาศลมโชย ทนต่อสภาพแดดจัด เพาะเลี้ยงในกระถางโดยซื้อดินใบก้ามปูมาจากจังหวัดอ่างทอง ครั้งละ 1 รถสิบล้อ ผสมกับวัสดุมะพร้าวสับที่ซื้อมาจากจังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กิ่งที่ชำจะใช้แกลบดำกับทราย จุ่มปูนขาวกันรากเน่า 1 เดือน ก็จะติดราก ก่อนต้นแข็งแรงจึงย้ายไปปลูกในกระถาง ใช้เวลาเพาะเลี้ยงนาน 3-4 เดือน ก่อนให้ผลผลิตดอกใหญ่ ก็จะขายได้ในราคาส่ง ต้นละ 25 บาท ขายปลีก กระถางละ 40 บาท
ที่ผ่านมา มีพ่อค้า แม่ค้า จากจังหวัดอุบลราชธานี หนองคาย อุดรธานี และจากเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) นำรถกระบะมารับซื้อถึงสวน ครั้งละ 700-1,000 ต้น ทำเงินให้เดือนละกว่า 100,000 บาท ขณะเดียวกันยังจ้างแรงงานไว้ 15 คน ตกคนละ 300 บาท ต่อวัน แบ่งกันทำหน้าที่ กรอกดินใส่ถุง เพาะถุงชำ ตอนกิ่งพันธุ์ ทาบตา รดน้ำ ใส่ปุ๋ย เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้เพาะชำพืชผักสวนครัวแทบทุกชนิด อาทิ ต้นแมงลัก สะระแหน่ โหระพา พริก ลงถุงดำ ขายส่ง ต้นละ 8-10 บาท และมะนาวพันธุ์แป้นพิจิตร ขายกระถางละ 100-250 บาท ตามแต่ขนาด ซึ่งขายดีสุดๆ ในช่วงนี้ โดยจะมีพ่อค้า แม่ค้า ขับรถมารับถึงสวน
พร้อมกันนี้ยังมีรถกระบะ 2 คัน ตระเวนขายตามตลาดนัดไทย-ลาว ในอำเภอธาตุพนม และตลาดนัดคลองถม หน้าค่ายพระยอดเมืองขวาง (จทบ. นครพนม) เพื่อนำเงินส่วนนี้มาเลี้ยงแรงงาน 15 คน ซึ่งมีค่าแรงตกเดือนละ 45,000 บาท
“ถึงแม้ผมจะมีอายุล่วงเลยไม้ใกล้ฝั่ง มีบ้านอยู่ในตัวเมือง และมีธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร แต่ก็รักต้นไม้และรักความเป็นธรรมชาติ จึงได้สร้างเพิงเต็นท์พักอาศัยอยู่ภายในกลางสวนแห่งนี้ สะดวก และดูแลคนงานได้ทั่วถึง พร้อมกับซื้อที่อีกกว่า 20 ไร่ เพื่อไว้ทดลองปลูกมันสำปะหลังพันธุ์ระยองไว้ด้วย” คุณลุงสมชาติ กล่าว
ผู้สนใจ จะแวะมาเยี่ยมชมสวน เพื่อขอคำแนะนำในเรื่องพันธุ์ไม้ การอนุรักษ์ดิน หรือต้องการรับพันธุ์ไม้ พืชผักสวนครัวไปจำหน่าย ติดต่อโดยตรงได้ที่ สวนโป๊ยเซียน นครพนม โทร. (081) 872-1913 ทางเฟซบุ๊ก พิมพ์ว่า Somchart Pintong
ปุ๋ยน้ำ FK 1 สูตร สูง คุณภาพดี
เอาไว้ฉีดโป๊ยเซียนก็โตเร็วนะจ๊ะ เพราะมี สัดส่วน N-P-K ที่บาลานซ์และสูงมาก
ที่มา : นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน www.technologychaoban.com
อ้างอิง : matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1447819119