data-ad-format="autorelaxed">
ขอตอบคำถามสุดท้ายก่อนอันดับแรกว่า การปรับตัวได้เกิดขึ้นแล้วทุกขณะ แม้ไม่ได้ปรับก็ถูกปรับไปแล้ว เพราะผู้บริโภคหรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้บริการไปแล้ว ด้วยเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราๆ ท่านๆ แบบที่ขาดไปแล้วจะรู้สึกถึงความลำบากทันที
ยกตัวอย่างเช่น ลืมโทรศัพท์มือถือ หรือใช้การไม่ได้วันหนึ่ง ผู้ใช้จะรู้สึกถึงการขาดการติดต่อจากโลกนี้ทันที ไม่เพียงแค่การสื่อสาร แต่ขาดเครื่องมือทำมาหากินกันไปเลย
และอย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าใช้โทรศัพท์สัญญาณ 4G คือการดำเนินธุรกิจยุค 4.0 รหัสตัวเลขอาจจะเหมือนกัน เพียงแต่ว่า 4G เป็นองค์ประกอบหนึ่ง จากอีกหลายเทคโนโลยี 4.0 ช่วยให้การดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นวัตกรรมด้านดิจิทัลได้ทำให้โลกเล็กลง ใช้เวลาการทำงานน้อยลง ใช้แรงงานคนน้อยลง ขณะที่ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานดีขึ้น แม่นยำยิ่งขึ้น ความผิดพลาดน้อยลง
ตัวอย่างนวัตกรรมยุค 4.0 นี้ หรือการใช้เทคโนโลยีมาช่วย “ทำน้อยให้ได้มาก” เช่นการใช้เวลาน้อยหรือคนน้อยลงแต่ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ได้แก่ สมองกลสามารถประดิษฐ์คิดค้นด้วยตนเอง หรือเรียกกันว่าปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence, “AI”) ถูกสร้างมาเพื่อทำงานแทนมนุษย์ แรกๆ ถูกประดิษฐ์ช่วยทำงานที่ต้องทำซ้ำๆ ใช้เวลาในการค้นหามาก เป็นต้น ต่อมาถูกพัฒนาให้ช่วยมนุษย์คิดและคิดแทนมนุษย์
AI ที่ทุกคนรู้จักดีและใช้กันบ่อยคือ Search Engine เครื่องมือการค้นหาข้อมูลมหาศาลในโลกอินเตอร์เนต โดยกูเกิ้ล Google ได้พัฒนา AI สามารถเดาความคิดคนเราได้ เดาว่าเราจะพิมพ์หาข้อความอะไร เดาว่าเราต้องการอะไร และเห็นโฆษณาสินค้าอะไรในหน้าเว็บไซต์ของเรา
SME สามารถใช้ประโยชน์จาก AI เหล่านี้ในการช่วยโปรโมทสินค้าของตนเองไปสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ เปรียบเสมือนมีทีมขายไปเคาะประตูหน้าบ้านลูกค้า แบบที่ลูกค้ารู้สึกประหลาดใจว่ารู้ได้อย่างไรว่าฉันกำลังต้องการใช้สินค้านี้อยู่
การรวมรวมข้อมูลมหาศาลในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น มาจากลูกค้าผู้ใช้งานผ่านโลกดิจิทัลได้ยินยอมบอกข้อมูลส่วนตัวผ่านกิจกรรมต่างๆ ในการเข้าใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ บอกว่ามีความชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มีไลฟ์สไตล์แบบไหน มีความสัมพันธ์กับใคร เป็นต้น เทคโนโลยี 4.0 อีกตัวคือ Big Data Analysis หรือการวิเคราะห์ฐานข้อมูลมหาศาล
ถ้า SME รู้จักวิธีใช้งาน Big Data แล้วจะเห็นเทรนด์การตลาด หาความต้องการของลูกค้า ข้อมูลในการทำธุรกิจ แนวทางป้องกันความเสี่ยง แนวทางการบริการลูกค้าให้ดีขึ้น นำข้อมูลมาปรับปรุงวิธีการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันกับคู่แข่งขันในตลาด ยุคนี้ไม่ใช่ใครมีข้อมูลมากกว่ากัน แต่ชนะกันด้วยเรื่องที่ว่าใครสามารถวิเคราะห์ข้อมูลให้เกิดประโยชน์ได้เร็วกว่ากัน
ทั้งนี้ ปัญหาส่วนใหญ่คือผู้ประกอบการ SME ไม่มีเวลา และขาดทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลให้เกิดประโยชน์ และมีค่าใช้จ่ายสูงหากต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์ข้อมูล นอกจากนี้ยังมีเงินลงทุนมหาศาลเพื่อสร้างระบบในการเก็บข้อมูลที่มีประโยชน์กับธุรกิจ ดูเหมือนจะมีตัวช่วย แต่ตัวช่วยเหล่านี้ต้องอาศัยเงินทุนและค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้เชี่ยวชาญมาพัฒนาและวิเคราะห์ให้
แต่ใช่ว่า SME จะไม่มีโอกาสใช้เครื่องมือเหล่านี้เลย เราสามารถใช้ Google ซึ่งเป็นฐานข้อมูลมหาศาล Big Data และมีเครื่องมือในการใช้งานอยู่เป็นจำนวนมาก เช่นถ้า SME ทำธุรกิจน้ำมันมะพร้าว อยากรู้ว่าเทรนด์ความต้องการของน้ำมันมะพร้าวเป็นอย่างไร ก็สามารถใช้เครื่องมือ Google Trend (https://trends.google.com) เพื่อดูว่ามีจำนวนครั้งในการค้นหาคำนี้กี่ครั้งแล้ว มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือลดลง เป็นต้น
SME จะต้องสามารถนำดิจิทัลใหม่ๆ มาเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานขององค์กรใหม่ ปรับโครงสร้างการทำงานให้กระชับ ลดขั้นตอนในกระบวนการตัดสินใจ ทำงานอย่างอิสระ และสามารถกระจายงานที่ไม่ถนัดไปให้หน่วยงานข้างนอกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทำให้ (Outsourcing) เช่นงานด้านการสื่อสารการตลาดดิจิทัล ถ้าเราไม่ถนัดก็สามารถจ้างทีมผู้เชี่ยวชาญ แทนที่เราจะต้องมาเริ่มต้นเรียนรู้เอง หรือจ้างพนักงานประจำเงินเดือนสูงมาทำงาน
ข้อดีของการจ้างผู้เชี่ยวชาญหรือหน่วยงานแบบนี้คือ เราสามารถชำระค่าจ้างทำงานเท่าที่จำเป็นกับความต้องการได้
นอกจากนี้ การทำงานในยุคการสื่อสารเพียงปลายนิ้วสัมผัส (ในกรณีสัญญาณอินเตอร์เนตเสถียร และเร็วใช้ได้) ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายประจำในการเช่าออฟฟิศแพงๆ เพราะสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ การบริหารทีมงานก็ทำได้ง่ายขึ้น มีการลงชื่อเข้างานผ่านออนไลน์ ไม่ต้องกังวลว่าพนักงานจะเข้างานตรงเวลาหรือออกจากออฟฟิศก่อนเวลา เพราะยุคนี้เราสนใจผลลัพธ์ของงานที่พนักงานจะต้องส่งมาตามกำหนดเวลา และผลงานเป็นไปตามเป้าหมายที่ตกลง
การรับเงินจากลูกค้า หรือการโอนจ่ายเงินให้กับซัพพลายเออร์ หรือพนักงานของกิจการ สามารถทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ได้หมด ธุรกิจดูจะง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น แต่ต้องระมัดระวังและเอาใจใส่เพิ่มมากขึ้น เพราะยังมีความผิดพลาดจากความสะเพร่าของมนุษย์เองด้วยในบางครั้ง ดังนั้นธุรกิจ หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องตั้งกฎเกณฑ์ และระเบียบการทำงานให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม
ผู้ประกอบการในยุค 4.0 นี้จะต้องเข้าใจนวัตกรรม เรียนรู้ให้ทันเทคโนโลยี ติดตามข้อดีและข้อเสีย ศึกษากฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง วางแผนธุรกิจ และกำหนดกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จงใช้ประโยชน์จากสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ และเปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลง เพราะ นวัตกรรมยุค 4.0 นี้ถูกสร้างให้เป็นตัวช่วยให้ธุรกิจดำเนินงานง่ายขึ้น
source: bangkokbanksme.com/article/16213