data-ad-format="autorelaxed">
นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลปริมาณ 1.03 ล้านตัน เข้าสู่อุตสาหกรรมที่มิใช่การบริโภคทั้งคนและสัตว์ (กลุ่ม 3) ใน 157 คลัง 34 จังหวัด พบว่ามีผู้ผ่านคุณสมบัติ 21 ราย จากที่ยื่นซองคุณสมบัติ 22 ราย และยื่นเสนอราคาเข้ามาทั้งหมด 21 ราย เบื้องต้นพบว่าบริษัท ที พี เค เอทานอล ได้ยื่นเสนอซื้อข้าวสารทุกคลังปริมาณ 1.03 ล้านตัน ในราคาเฉลี่ย 2-3 บาท/กิโลกรัม (กก.) มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท ถือเป็นการเสนอซื้อครบทุกคลังเป็นครั้งแรกในการเปิดขายข้าวเสื่อมคุณภาพ ซึ่งหลังจากนี้จะทยอยเปิดซองให้ครบทุกราย หากมีการเสนอซื้อในคลังเดียวกันก็จะพิจารณาว่ารายใดให้ราคาสูงสุดเป็นหลัก
"ผู้ที่เข้ามายื่นประมูลวันนี้ มีทั้งกลุ่มเอทานอล ไบโอแมส ไบโอแก๊ส และอุตสาหกรรมที่ผลิตไฟฟ้า โดยในรายที่ยื่นครบทุกคลังยังตอบไม่ได้ว่าจะได้ข้าวหมดหรือไม่ เพราะต้องรอดูว่ารายอื่น มีการเสนอซื้อที่สูงกว่าหรือไม่ โดยจะนำผลจากการเปิดซองทั้งหมดเสนอ ต่อที่ประชุมคณะทำงานระบายข้าวในวันที่ 2 พ.ค. เพื่อเข้าสู่คณะอนุกรรมการ ระบายข้าววันที่ 8 พ.ค. เพื่อตัดสิน ต่อไป ก่อนชงประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) อนุมัติขาย" นายกีรติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ราคาที่เสนอซื้อข้าวเข้ามาใน กก.ละ 3 บาท ถือว่าน่าพอใจถ้าเปรียบเทียบกับวัตถุดิบอื่นที่อุตสาหกรรมใช้ในการผลิต แต่ต้องรอคณะทำงานพิจารณาก่อน โดยเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดเก็บสต๊อกข้าวและระบบตลาดในภาพรวม แต่ยืนยันว่าการเปิดประมูลข้าวเสื่อมจะมีการป้องกันการรั่วไหลเข้าสู่ข้าวระบบปกติอย่างเต็มที่ตามคำสั่งของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองประธาน นบข.ต่อไป
สำหรับข้าวสารในสต๊อกที่เหลือขณะนี้ หากมีการอนุมัติขายข้าวเสื่อมในกลุ่ม 3 ได้ครบทั้ง 1.03 ล้านตัน จะทำให้เหลือข้าวในสต๊อกประมาณ 4 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวกลุ่ม 1 หรือข้าวที่เปิดประมูลเป็นการทั่วไปประมาณ 1.72 ล้านตัน ซึ่งกำหนดจะเปิดประมูลอีกครั้งในเดือน พ.ค.นี้ และข้าวกลุ่ม 2 หรือข้าวที่เปิดประมูลเข้าอุตสาหกรรมมิใช่การบริโภคของคนปริมาณ 2.15 ล้านตัน มีแผนจะเปิดประมูลในเดือน มิ.ย.นี้ โดยยืนยันว่าภายในปีนี้น่าจะระบายข้าวสารสต๊อกรัฐบาลออกไปได้หมด แต่หากไม่หมดเหลือประมาณ 1-2 ล้านตัน ก็ไม่น่ากังวลแล้ว เพราะข้าวจำนวนดังกล่าวสามารถเก็บเป็นสต๊อกเพื่อความมั่นคง โดยจำนวนดังกล่าวไม่มีแรงกดดันราคาข้าวในตลาด
นายกีรติ กล่าวว่า ส่วนภาพรวมการส่งออกข้าวไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-26 เม.ย. 2560 ไทยมีการส่งออกข้าวได้ แล้ว 3.87 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 12.13% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมามูลค่า 5.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.76% โดยแนวโน้มภาพรวมการส่งออกข้าวไทยสดใส เนื่องจากมีหลายตลาดสนใจซื้อข้าวไทย เช่น ตลาดศรีลังกามีความต้องการซื้อข้าวไทย 2 แสนตัน โดยขณะนี้ไทยได้จัดส่งตัวอย่างไปให้ศรีลังกาพิจารณาแล้ว ส่วนรัฐบาลโมซัมบิกต้องการที่จะซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับไทยและบังกลาเทศ จะมีการลงนามเอ็มโอยูซื้อข้าวไทยในช่วงการประชุมคณะกรรมการร่วมการค้า (เจซี) ระหว่างกัน
ปัจจุบันหลายตลาดมีความสนใจข้าวไทย อย่างกระทรวงสาธารณสุขอิหร่านได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจโรงงานไทยเพิ่มอีก 4 แห่ง ซึ่งจะเป็นช่องทาง ในการส่งออกข้าวไปตลาดอิหร่านได้ เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน รมว.พาณิชย์ไทยได้ส่งหนังสือไปที่หน่วยงานจีนเพื่อขอให้ลงนามซื้อขายข้าวไทยในล้านตันที่ 2 ด้วย
source: posttoday.com/biz/gov/492433