data-ad-format="autorelaxed">
ส่งออกผลไม้แข่งเดือด เวียดนามเร่งเครื่องจ่อแซงไทยส่งออกลำไยสดไปจีน ยอด 11 เดือน ปี 59 พุ่ง ขณะตัวเลขไทยติดลบ ชี้ต้นตอมีพ่อค้าหัวใสนำเข้าจากไทยส่งออกต่อไปจีนตามแนวชายแดน ได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมนำเข้า บริษัทส่งออก-สมาคมสั่งจับตาเวียดนามเร่งพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียน มังคุด เงาะ แข่งไทย
จากที่สินค้าผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่ไทยผลิตและส่งออกนำเงินตราเข้าประเทศได้อย่างเป็นกอบเป็นกำโดยสินค้าผลไม้สดที่มีการส่งออกมูลค่ามากเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มังคุด และมะม่วง รวมถึงผลไม้แห้งต่างๆ ซึ่งในภาพรวมการส่งออกผลไม้ของไทยช่วง 11 เดือนแรกของปี 2559 มีมูลค่า 4.89 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.6% โดยตลาดส่งออก 5 อันดับแรกของไทย ได้แก่ จีน เวียดนาม ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และอินโดนีเซียตามลำดับ (ดูตารางประกอบ) อย่างไรก็ดี ณ เวลานี้สินค้าผลไม้โดยเฉพาะลำไยสดที่ไทยเป็นเจ้าตลาดในจีนกำลังถูกสินค้าจากเวียดนามเข้าไปมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้จากรายงานของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ เมืองเซียะเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระบุว่า ในปี 2556-2559 ตลาดหลักของการส่งออกลำไทยไทยได้แก่ จีน เวียดนาม ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ และเมียนมา โดยในปี 2556-2557 ไทยส่งออกลำไยไปตลาดจีนมากสุดคิดเป็นสัดส่วน 70% ของมูลค่าการส่งออกในภาพรวม รองลงมาคือเวียดนาม แต่มาในปี 2558-ปัจจุบัน ตลาดส่งออกลำไยอันดับ 1 ของไทยกลับกลายเป็นเวียดนาม รองลงมาคือจีน
ขณะที่ข้อมูลอีกด้านหนึ่งระบุว่าในปี 2556-ปัจจุบัน ในภาพรวมจีนยังนำเข้าลำไยจากไทยมูลค่ามากที่สุด รองลงมานำเข้าจากเวียดนาม แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าการนำเข้าจากไทยมีมูลค่าลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มูลค่าการนำเข้าจากเวียดนามมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยช่วง 11 เดือนแรกของปี 2559 การนำเข้าลำไยสดจากไทยของจีนมีมูลค่า 125.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28%) ขณะที่การนำเข้าจากเวียดนามมีมูลค่า 105.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4%) ดังนั้นจึงนับว่าเวียดนามเป็นคู่แข่งที่สำคัญของไทยในการส่งออกลำไยสดไปยังจีนในขณะนี้
นางปภาวี สุธาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวิฟท์ จำกัด ผู้ส่งออกผักและผลไม้เผยว่า การส่งออกลำไยของเวียดนามไปจีนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากในช่วงหลังนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากผู้ค้าชาวเวียดนามได้เข้ามาเปิดจุดรับซื้อผลไม้ตรงจากสวนในประเทศไทยทั้งลำไย ทุเรียน มังคุด โดยสินค้าเกรดรองจะคัดไปขายในเวียดนาม ส่วนเกรดพรีเมียมจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น โปรดักต์ออฟ เวียดนาม ส่งเข้าไปขายในประเทศจีนโดยสินค้าจากเวียดนามจะได้รับสิทธิพิเศษไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการนำเข้าจากนโยบายด่านผ่อนปรนที่จีนได้ทำข้อตกลงกับประเทศที่มีพรมแดนติดกัน
“นอกจากลำไยสดที่มีเวียดนามเป็นคู่แข่งในจีนแล้วยังมีมะม่วงจากฟิลิปปินส์ และจากอินเดียเป็นคู่แข่งที่สำคัญของมะม่วงไทยในตลาดญี่ปุ่น แต่มะม่วงอินเดียยังมีปัญหาด้านการขนส่งที่ไม่ดีพอ ปริมาณก็ยังน้อย คุณภาพก็ไม่ค่อยดี ส่วนมะม่วงฟิลิปปินส์ปริมาณส่งออกมากกว่าไทย แต่คุณภาพมะม่วงไทยดีกว่า ผู้บริโภคยอมจ่ายแพง ทั้งนี้ในภาพรวมการส่งออกผลไม้ไทยด้านปริมาณ และมูลค่าในปี 2560 น่าจะมากกว่าในปีที่ผ่านมา จากไทยผ่านพ้นวิกฤติภัยแล้งมาแล้ว”
ขณะที่นายพจน์ เทียมตะวัน นายกสมาคมผู้ประกอบการพืช ผัก ผลไม้ไทย กล่าวว่า เวียดนามยังถือเป็นคู่แข่งขันส่งออกที่น่ากลัวในอนาคตสำหรับผลไม้ไทยประเภทอื่นๆ ด้วย โดยเวลานี้เวียดนามอยู่ระหว่างเร่งพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ทุเรียน มังคุด รวมถึงเงาะให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นเพื่อเพิ่มการส่งออก จากที่เวลานี้เวียดนามมีสินค้าผลไม้ที่มีความโดดเด่น และมีรสชาติที่ดีกว่าไทย อาทิ แก้วมังกร เสาวรส เป็นต้น
“อย่างไรก็ดีในภูมิภาคอาเซียนไทยยังเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกผลไม้อันดับ 1 แต่เราก็ต้องพัฒนาเรื่องคุณภาพมาตรฐานต่อไปเรื่อยๆ รวมพืชผักอื่นๆ ซึ่งในปีที่ผ่านมาไทยส่งออกพืช ผักและผลไม้ทุกประเภทคิดเป็นมูลค่ารวม 7-8 หมื่นล้านบาท ในปีนี้คาดจะส่งออกเกิน 8 หมื่นล้านบาทจากผลผลิตจะดีกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนด้านราคาเกษตรกรน่าจะขายได้ราคาพอสมควร ไม่ถูกหรือสูงเกินไป โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามองคือคู่ค้าจะมีมาตรการกีดกันอะไรออกมาอีกหรือไม่”
source: thansettakij.com/2017/01/13/124371