data-ad-format="autorelaxed">
“ประชารัฐ” ถือเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลใช้ในการขับเคลื่อนประเทศในขณะนี้ โดยการบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในการร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
กรมการพัฒนาชุมชน สังกัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญที่ขับเคลื่อนนโยบายประชารัฐ ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลมาโดยตลอด โดยเฉพาะบุคลากรในองค์กรซึ่งจำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจในนโยบายหลักก่อนการลงพื้นที่เพื่อประสานงานกับภาคชุมชน จึงทำให้เกิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนประชารัฐ ที่จะมีขึ้นใน 4 ภูมิภาคทั่วทั้งประเทศ
“นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า “จากการประกาศขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชารัฐของรัฐบาล ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเป็นการรวมพลังทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และภาคราชการ โดยที่มีรัฐบาลเป็นผู้อำนวยความสะดวกและสนับสนุนการเปิดช่องทางให้เอกชน ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมตามกระบวนการประชาธิปไตย และการทำงานพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามร่วมกับภาคีภาครัฐ ภาคธุรกิจ และเครือข่ายองค์กรชุมชน สร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ โดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้งสู่เศรษฐกิจฐานรากที่ยั่งยืน กรมการพัฒนาชุมชนในฐานะที่เป็นหน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญ โดยได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์ในการทำงานไว้อย่างชัดเจน คือ “ชุมชนเข้มแข็ง เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง” มีการทำงานในพื้นที่กับพี่น้องประชาชนมามากกว่าครึ่งศตวรรษ พร้อมอีก 1 บทบาทสำคัญในการหนุนเสริมนโยบาย “ประชารัฐ” ให้เป็นกลไกขับเคลื่อนการสร้างสัมมาชีพชุมชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ชุมชนทั่วทั้งประเทศ
ด้วยเหตุนี้ กรมฯ จึงได้จัดทำ “โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนประชารัฐ” ขึ้นในพื้นที่ 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเป็นหัวหน้ากลุ่มงานของสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด จังหวัดละ 3 คน รวมทั้งสิ้น 228 คน” อธิบดีฯกล่าว
เหตุที่กลุ่มเป้าหมายของการจัดสัมมนาฯ ในครั้งนี้ เป็นหัวหน้ากลุ่มงานของสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ทั้ง 228 คน ก็เพราะบุคลากรกลุ่มนี้ถือได้ว่าเป็น “ตัวจักรสำคัญในการหนุนเสริมนโยบายให้เกิดผลเชิงรูปธรรม”เป็นกลุ่มบุคคลที่มีบทบาทในการเชื่อมต่อนโยบาย/แผนงานไปสู่การปฏิบัติในสถานการณ์ปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องมีองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ เช่น แนวคิดการขับเคลื่อนประชารัฐ และการสนับสนุนสัมมาชีพชุมชน เพื่อปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยวัตถุประสงค์หลักของการจัดสัมมนาในครั้งนี้ คือ การสร้างหัวหน้ากลุ่มงานสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดทั้ง 228 คน สู่การเป็น “นักขับเคลื่อนประชารัฐสู่เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง” ด้วยการเปิดโอกาสการศึกษาบทเรียนสำคัญๆ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากภายใต้บทบาทประชารัฐ สู่ธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) รวมทั้งเสริมสมรรถนะและเปิดโลกทัศน์ ให้สามารถสนับสนุนการขับเคลื่อนประชารัฐและสัมมาชีพชุมชน ซึ่งการจัดการสัมมนาครั้งนี้จะแบ่งเป็นพื้นที่ 4 ภูมิภาค 4 จุด ๆ ละ 3 วัน คือ ภาคเหนือที่จังหวัดแพร่ และน่าน เมื่อวันที่ 9 – 11 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด “อัตลักษณ์และวิถีความพอเพียงสู่ความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก”
ภาคใต้จังหวัดพัทลุง และสตูล ระหว่างวันที่ 23 – 25 กรกฎาคม 2559 ภายใต้แนวคิด
“การท่องเที่ยวชุมชน วิถีชุมชน วิถีไทย”
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะจัดที่จังหวัดนครพนม และมุกดาหาร ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2559 ภายใต้แนวคิด “เขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ทิศทางและโอกาสชุมชน”
และสำหรับภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีขึ้นที่จังหวัดชัยนาท และพระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 26 – 28 สิงหาคม 2559 ภายใต้แนวคิด “ภูมิปัญญาไทย ก้าวไกลสู่สากล”
จากการสัมมนาดังกล่าว ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ สร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่นักขับเคลื่อนประชารัฐสู่เศรษฐกิจฐานรากทั้งหลายเพื่อจะสามารถช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนประชารัฐและสัมมาชีพชุมชนทั่วประเทศ อีกทั้งยังสามารถนำบทเรียนสำคัญที่ได้จากการสัมมนาไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากภายใต้บทบาทประชารัฐ สู่ธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise เพื่อเป้าหมายสูงสุด คือ การพัฒนาความเข้มแข็งของชุมชนให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก กรมการพัฒนาชุมชน