เพิ่มมูลค่าข้าวไทยด้วยนวัตกรรม แก้ปัญหาส่งออกข้าวลดลง

นักวิชาการชี้สถานการณ์ตลาดข้าวโลกแข่งขันรุนแรง
แต่ละประเทศงัดเทคโนโลยีเพิ่มผลผลิต กระทบส่งออกข้าวไทย เผยจุดแข็งไทยมีข้าวหลายสายพันธุ์สนองความต้องการตลาดโลก แต่มีผลผลิตต่อไร่ต่ำ ทำให้ต้นทุนการเพาะปลูกสูง แนะเพิ่มมูลค่าสร้างนวัตกรรมข้าวไทยเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ข้าวปรุงรสแช่แข็ง เครื่องสำอาง การนำสารสกัด GABA มาบำรุงระบบประสาทฯลฯ

รับปัญหาส่งออกข้าวลดลง มูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมข้าวเฉลิมพระเกียรติฯ โดยจัดบรรยายพิเศษเรื่อง “สถานภาพและอนาคตของตลาดและผลิตภัณฑ์ข้าว” ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยนายชาญวิทย์ รัตนราศรี นักวิชาการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า สถานการณ์ข้าวโลกตั้งแต่ปี 2546-2549 ปริมาณการผลิตข้าวในแต่ละประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นไปตามความต้องการการบริโภคข้าวของประชาการโลก

เนื่องจากในแต่ละประเทศต่างพยายามที่จะปลูกข้าวเอง ส่งผลให้แนวโน้มการส่งออกข้าวไทยลดลง ซึ่งประเทศจีนมีอัตราการผลิตข้าวมากที่สุดในโลก รองลงมาคืออินเดีย และมาเลเซีย ส่วนประเทศไทยผลิตข้าวเป็นอันดับ 6 ของโลก คิดเป็นร้อยละ 4.50 ของผลผลิตข้าวโลก ในปี 2548 ประเทศไทยมีการส่งออกข้าวลดลง เนื่องจากปัจจัยภัยแล้วและสภาพแวดล้อมต่างๆ หากเทียบกับปี 2546 พบว่าปริมาณการส่งออกใกล้เคียงกัน แต่มูลค่าการส่งออกเพิ่มมากขึ้น โดยมีการส่งออก 90,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ จุดแข็งของข้าวไทยคือ มีภาพพจน์และได้รับการยอมรับในตลาดโลก โดยมีข้าวหลายชนิดที่สามารถสนองความต้องการของตลาดได้ อีกทั้งมีฤดูกาลเพาะปลูกเกือบตลอดทั้งปี ส่วนจุดอ่อน คือ มีผลผลิตต่อไร่ต่ำ ทำให้ต้นทุนการเพาะปลูกค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐ ระบบชลประทานไม่เพียงพอ สภาพดินส่วนใหญ่เสื่อมโทรม ใช้เมล็ดพันธุ์เก่าซ้ำหลายปี จาการวิจัยความต้องการของผู้บริโภค และขาดการวิจัยผลพลอยได้ในเชิงพาณิชย์

ส่งความคิดเห็น