data-ad-format="autorelaxed">
ปรับปรุงดินหลังน้ำท่วม
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมาหลายพื้นที่ต่างประสบปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมอย่างกะทันหัน ทำให้เกษตรกร และประชาชนได้รับความเดือดร้อน บางพื้นที่เกษตรกรไม่ทันเตรียมตัวรับมือส่งผลให้พื้นที่การเกษตรมีมูลค่าความเสียหายนับไม่ถ้วน
ถึงแม้ว่าขณะนี้หลายพื้นที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เกษตรกรต่างก็เร่งทำการฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ของบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย และปรับสภาพจิตใจให้กลับเป็นเหมือนเดิม เช่นเดียวกันพื้นที่ทำการเกษตรที่ได้รับความเดือดร้อน ทำให้ขาดรายได้มาใช้ในการดำรงชีพก็ต้องทำการฟื้นฟูพัฒนาให้กลับคืนความอุดมสมบูรณ์โดยเร็ว ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมพัฒนาที่ดิน ถือเป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือ โดยการสำรวจและประเมินพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายและเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ต่าง ๆ
นายสุรเดช เตียวตระกูล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สถานีพัฒนาที่ดินทุกจังหวัดที่ประสบปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วม ร่วมกับหมอดินอาสาประจำหมู่บ้านต่าง ๆ ทำการสำรวจและประเมินพื้นที่การ เกษตรที่ได้รับความเสียหายเร่งให้ความช่วยเหลือโดยด่วนแก่เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม เนื่องจากผิวหน้าดินจะถูกชะล้างไปกับน้ำและมีตะกอนดินขนาดเล็กที่ถูกพัดพามากับน้ำตกทับถมบริเวณผิวดิน และอุดตามช่องว่างในดิน ทำให้ดินมีปัญหาการระบายน้ำและอากาศ
ซึ่งหากน้ำท่วมขังเหม็นเน่า เบื้องต้นขอแนะนำให้ใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด. 6 เป็นส่วนผสมหลักเนื่องจากเป็นจุลินทรีย์ที่ค่อย ๆ ซึมไปบนผิวดิน มีประโยชน์ในการช่วยย่อยสลายเศษซากวัสดุอินทรียวัตถุต่าง ๆ จากนั้นเมื่อน้ำลดลงแล้วซึ่งไม่ว่าจะเป็นพื้นที่นาข้าวพืชไร่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น ต้องทำการปรับสภาพพื้นที่ที่มีเศษซากต่าง ๆ ออกจากพื้นที่เพาะปลูก แล้วทำการปรับปรุงฟื้นฟูดินให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ โดยใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด. 1–12 ใช้ปุ๋ยพืชสด ปูนมาร์ล ปูนโดโลไมต์ และปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพต่าง ๆ
ขั้นตอนต่อมาคือปรับปรุงสภาพความเป็นกรด-ด่าง ของดินให้มีความเหมาะสมเพื่อช่วยให้เกษตรกรได้มีปัจจัยการผลิตพื้นฐานที่ดี สามารถเพาะปลูกรอบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิ ภาพมากยิ่งขึ้น ส่วนวิธีการที่จะป้องกันหรือบรรเทาความรุนแรงจากภัยพิบัติน้ำท่วม ดินถล่ม หรือน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่การ เกษตรนั้น กรมพัฒนา ที่ดินได้ส่งเสริมให้ความรู้แก่เกษตรกรให้มีความเข้าใจ และเห็นความสำคัญของการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่โดยเริ่มตั้งแต่จัดทำคันคูรับน้ำรอบขอบเขตพื้นที่การเกษตร ทำทางลำเลียงในไร่นาร่วมกับการปลูกหญ้าแฝก พืชเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ ที่มีประโยชน์ในการช่วยรักษาความชื้นในดิน ช่วยยึดหน้าดิน ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน ช่วยปรับปรุงคุณภาพดิน และช่วยดูดซับสารปนเปื้อนบริเวณแหล่งน้ำ
นอกจากนี้เกษตรกรควรทำร่องดักตะกอนดินเพื่อชะลอความเร็วของน้ำรวมถึงกำหนดมาตรการการใช้ที่ดินให้ถูกต้องเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เพื่อรักษาและฟื้นฟูสภาพดินไม่ให้ถูกทำลาย อีกทั้งเกษตรกรควรปลูกไม้เศรษฐกิจยืนต้นโตเร็วและโตช้าในพื้นที่ของตนเอง พร้อมช่วยกันปลูกต้นไม้ที่มีระบบรากแก้วโตเร็วและโตช้าในเขตพื้นที่ป่า เพื่อเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับเกษตรกรและประชาชนจำนวนมาก
ปัจจุบันเกษตรกรบางส่วนยังขาดความรู้ด้านฟื้นฟูหน้าดินหลังน้ำท่วม หรือจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ รวมทั้งการใช้ดินและที่ดินอย่างประมาท ขาดความระมัดระวัง ทั้งการใช้สารเคมี ทำให้ดินเสื่อมโทรมไม่สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้อย่างคุ้มค่า....
source: dailynews.co.th/agriculture/529863