นำข้าวโพดเข้าสู่ระบบสหกรณ์

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมโครงการชี้แจงการดำเนินการตามมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ณ โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต จ.ปทุมธานีว่า การผลิตข้าวโพดเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วประเทศไทยส่งออกเป็นเมล็ดข้าวโพดไปต่างประเทศ เพื่อเป็นวัตถุดิบผลิตสินค้าส่งกลับเข้ามาขายในประเทศไทย

ต่อมาประเทศไทยพยายามสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบจากเมล็ดข้าวโพดเองโดยการผลิตเป็นอาหารสัตว์ ป้อนเข้าสู่ระบบปศุสัตว์ของประเทศ แล้วมีการแปรรูปสัตว์เป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ เป็นการเพิ่มมูลค่าจากสินค้าการเกษตรตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง

กรมส่งเสริมสหกรณ์มีความต้องการที่จะเชื่อมระบบสินค้าของสหกรณ์เข้าสู่ระบบด้วยกัน อย่างข้าวโพด เมื่อมีผลผลิตออกมา ก็สามารถนำมาผลิตเป็นอาหารสัตว์ สหกรณ์ที่มีธุรกิจด้านอาหารสัตว์ก็สามารถซื้อข้าวโพดจากสมาชิกสหกรณ์หรือจากสหกรณ์ที่เป็นผู้รวบรวมและผลิตข้าวโพดส่งให้กับสหกรณ์ที่ผลิตอาหารสัตว์ แทนที่สหกรณ์ผู้ผลิตอาหารสัตว์จะไปซื้อข้าวโพดจากพ่อค้าคนกลางที่ไปรวบรวมจากสหกรณ์ผู้ผลิตข้าวโพด ก็ซื้อตรงจากสหกรณ์ในราคาที่ตกลงกัน ในระบบที่มีการดูแลกัน จากนั้นสหกรณ์ผู้ผลิตอาหารสัตว์เมื่อได้อาหารสัตว์มาแล้วแทนที่จะจำหน่ายให้พ่อค้าคนกลาง

ก็เอาไปจำหน่ายให้กับสหกรณ์ผู้เลี้ยงสัตว์โดยตรง เช่น สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม หรือโคเนื้อ ซึ่งต้องใช้อาหารสัตว์ที่มีองค์ประกอบของโปรตีนตามเงื่อนไขของแต่ละประเภทก็สามารถซื้ออาหารสัตว์จากสหกรณ์ผู้ผลิตอาหารสัตว์ได้โดยตรง

“เมื่อได้ผลผลิตสัตว์ออกมาจะเป็นประเภทสัตว์แปรรูป หรือไข่ไก่ หรือสินค้าสดของฟาร์มที่เลี้ยงสัตว์ก็ตามส่วนหนึ่งอาจจะส่งออกในรูปผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสัตว์ อีกส่วนก็สามารถขายเข้าไปยังศูนย์กระจายสินค้าของสหกรณ์ที่มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องได้อีกทางหนึ่ง “นายสมชาย ชาญณรงค์กุล กล่าว

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า โครงการนี้นับเป็นการสร้างระบบของสินค้าสหกรณ์ให้เกิดความเข้มแข็งขึ้น นอกจากนี้ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ยังมีโครงการที่จะต่อยอดออกไปอีกจากปีที่ผ่านมาที่ได้เริ่มต้นดำเนินการ คือ ส่งเสริมสหกรณ์ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ดี มีมืออาชีพให้ดำเนินการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดพันธุ์ดีเพื่อจำหน่ายให้แก่เกษตรกรสมาชิกหรือสหกรณ์ที่เพาะปลูกข้าวโพด เนื่องจากสหกรณ์ผู้ผลิตข้าวโพดในทุกวันนี้ยังต้องไปหาซื้อเมล็ดพันธุ์จากพ่อค้า ซึ่งอาจเป็นเมล็ดพันธุ์ดีบ้าง หรือเมล็ดพันธุ์ที่ไปรวบรวมมาจากแหล่งผลิตทั่วไปมาจำหน่ายเอง ซึ่งอาจจะมีปัญหาด้านคุณภาพ ราคาสูง หรือเป็นเมล็ดพันธุ์ที่สามารถเพาะปลูกได้เพียงครั้งเดียว ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ก็ได้เข้าไปส่งเสริม โดยร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตร ให้ความรู้แก่เกษตรกร กับสหกรณ์ที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดมืออาชีพ เพื่อจะได้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่ดีไปขายต่อให้กับสหกรณ์ที่ผลิตพันธุ์ข้าวโพด และผลิตข้าวโพดออกมาขาย

เพราะฉะนั้นจะมีการเชื่อมโยงตั้งแต่เกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ ไปยังสหกรณ์ผู้ผลิตข้าวโพด ขายผลผลิตข้าวโพดเข้าสู่ระบบสหกรณ์ผู้เลี้ยงสัตว์ ผู้ผลิตอาหารสัตว์ ขายต่อให้กับสหกรณ์ผู้เลี้ยงสัตว์ เมื่อผลผลิตออกมาทั้งระบบแล้วส่วนหนึ่งก็จะส่งออกจำหน่ายต่างประเทศเป็นรายได้เข้าประเทศ รายได้เข้าสหกรณ์ ซึ่งเป็นรายได้เข้าสู่ระบบต่อไป

“ก็นับเป็นวงจรของการสร้างมูลค่าให้กับสินค้าสหกรณ์ วงจรของการสร้างความเข้มแข็งของสหกรณ์ นับเป็นการปิดช่องว่างระหว่างสหกรณ์ และในวันนี้ก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันทีทุกอย่างพร้อมแล้ว การสำรวจพร้อมแล้ว การขึ้นทะเบียนเกษตรกรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปริมาณข้าวโพด 2 แสนตันจากสหกรณ์มีแล้ว และการประชุมสัมมนาในวันนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินงานในโครงการนี้ ที่ประชุมมีการชี้แจงเจ้าหน้าที่ ของสหกรณ์เรื่องการเงิน หลักเกณฑ์การโอนเงิน การทำเรื่องเอกสารต่าง ๆ การจัดระบบบัญชี การจัดสรรงบประมาณในการดำเนินการ การใช้หลักฐานทางบัญชี หรือเอกสารประกอบ สหกรณ์ต้นทางกับสหกรณ์ปลายทางจะผ่านระบบการเงินการบัญชีกันอย่างไร ผู้ซื้อจะได้รับเงินอย่างไร จะมีการคุยกันในรายละเอียด จากนั้นก็จะกลับไปเริ่มดำเนินการในพื้นที่ของแต่ละจังหวัดและแต่ละสหกรณ์ได้เลย” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าว .

ข้อมูลจาก dailynews.co.th

ส่งความคิดเห็น