ปลูกมะเขือเทศแบบบ้านแปกแซม - เกษตร Tips

ปลูกมะเขือเทศแบบบ้านแปกแซม - เกษตร Tips สถานีสาธิตและถ่ายทอดการเกษตร ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมตามพระราชดำริบ้านแปกแซม ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ เกิดขึ้นจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2543 ครั้งเสด็จฯ ไปเยี่ยมราษฎรบ้านแปกแซม ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่

โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาหมู่บ้านและความเป็นอยู่ของราษฎรในพื้นที่ รวมทั้งอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ให้คืนสภาพสมบูรณ์ดังเดิม เพื่อเป็นแหล่งน้ำลำธารให้ราษฎรได้ใช้อุปโภค บริโภค และใช้สำหรับทำการเกษตร โดยมีสถานีสาธิตและถ่ายทอดการเกษตร ป่าไม้ สิ่งแวดล้อม เป็นแหล่งถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเกษตรแก่ราษฎรที่มาทำงานในสถานีฯ เมื่อราษฎรมีความรู้แล้วก็สามารถขยายผลไปพัฒนาหมู่บ้าน โดยเน้นให้ราษฎรนำไปปฏิบัติในพื้นที่ทำกินของตนเอง ตลอดจนพัฒนาแหล่งน้ำ อนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่า เพื่อให้มีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตรต่อไป

ปัจจุบันราษฎรมีรายได้จากการเข้ามารับจ้างเป็นแรงงานในสถานีสาธิตและถ่ายทอดการเกษตร ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมตามพระราชดำริบ้านแปกแซม ซึ่งถือเป็นรายได้หลักในการเลี้ยงตนเองและครอบครัว นอกจากนี้ความรู้ที่ได้รับจากการเข้ามารับจ้างทำงานในสถานี ทำให้ราษฎรสามารถนำไปพัฒนาอาชีพของตนเอง จนกระทั่งมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่า ความรู้จากโครงการที่ราษฎรนำไปทำเองในพื้นที่มีการปลูกพืชหลายชนิดหนึ่งในนั้นก็มีมะเขือเทศ

ราษฎรที่นี่จะปลูกมะเขือเทศโดยการเตรียมแปลงกล้าเองด้วยการยกแปลงสูงประมาณ 1 คืบ นำปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักมาคลุกเคล้าประมาณ 1-2 บุ้งกี๋ ต่อ 1 ตารางเมตร ใช้เมล็ดประมาณ 30-40 กรัม หยอดลงบนแปลงยาว 10 เมตร กว้าง 1 เมตร ซึ่งจะได้ต้นกล้าพอสำหรับปลูกในพื้นที่ 1 ไร่ การหยอดเมล็ด หยอดเป็นแถวห่างกันประมาณ 10 ซม. ลึก 1 ซม. เมื่อหยอดเมล็ดแล้วกลบด้วยดินผสมปุ๋ยหมัก และคลุมแปลงด้วยฟางข้าว หรือหญ้าแห้งบาง ๆ

ในช่วง 3 วันแรก รดน้ำสม่ำเสมอไม่ให้ผิวหน้าดินแห้ง และถ้าแดดจัดหรือฝนตกหนักจะคลุมแปลงด้วยผ้าไนลอนหรือผ้าพลาสติก เพื่อป้องกันเม็ดฝนกระแทกลำต้นหรือใบเป็นรอยช้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรค จากนั้นประมาณ 21-25 วัน จะย้ายกล้าลงแปลงปลูกหรือเมื่อกล้ามีใบจริง 3-4 ใบ

ระยะปลูกระหว่างแถว 1 เมตร ระยะระหว่างต้น 25-50 ซม. ปลูก 1 ต้นต่อหลุม ในฤดูแล้งจะปลูกถี่ ส่วนในฤดูฝนจะปลูกห่าง เนื่องจากมะเขือเทศเจริญเติบโตดี มีทรงพุ่มสูงใหญ่กว่าฤดูอื่น ๆ

และเพื่อให้การเพาะปลูกสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและเพื่อเป็นการลดต้นทุนในการเพาะปลูก ราษฎรจะเก็บเมล็ดพันธ์ุเพื่อใช้เป็นพันธ์ุปลูกด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ โดยเก็บพันธ์ุที่ปลูกที่ไม่ใช่พันธุ์ลูกผสม และเลือกเก็บเมล็ดจากแปลงที่ปลูกในฤดูหนาว จากต้นที่สมบูรณ์แข็งแรง มีลักษณะผลตามที่ตลาดต้องการ ซึ่งจะได้เมล็ดที่สมบูรณ์แข็งแรง มีเปอร์เซ็นต์ความงอกสูง

โดยเก็บผลที่สุกแดงผ่าขวางผล บีบเมล็ดออก หมักทิ้งไว้ในภาชนะพลาสติก 24-36 ชั่วโมง นำไปล้างน้ำหลาย ๆ ครั้ง เมล็ดที่ดีจะจมลง เมล็ดที่ไม่สมบูรณ์จะลอย ปล่อยให้ไหลออกไป เมื่อเมล็ดสะอาดดีแล้วนำไปผึ่งแดดบนตะแกรง 2-3 วัน จนเมล็ดแห้งสนิทจึงบรรจุเมล็ดในถุงพลาสติกหนา หรือในกระป๋องที่ปิดสนิท แล้วนำไปเก็บไว้ในที่เย็น ซึ่งวิธีการเช่นนี้จะสามารถเก็บเมล็ดได้นานไม่น้อยกว่า 2-3 ปี ที่สำคัญคือการมีเมล็ดพันธ์ุดีเพื่อการเพาะปลูกจะสามารถปลูกได้ทุกฤดูกาลโดยไม่ต้องเสียเงินไปหาซื้อเมล็ดพันธ์ุเป็นการลดต้นทุนได้มากพอสมควร.

อ้างอิง:www.dailynews.co.th

ส่งความคิดเห็น