การปลูกแตงโมเนื้อสีส้มในประเทศไทย

การปลูกแตงโมเนื้อสีส้มในประเทศไทย คนไทยคุ้นเคยกับแตงโมที่มีเนื้อสีแดงต่อมาได้มีการนำแตงโมเนื้อสีเหลืองมาปลูกในบ้านเรา เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งจะต้องยอมรับกันว่าไต้หวันเป็นประเทศที่มีการพัฒนาสายพันธุ์แตงโมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเกษตรกรสามารถผลิตแตงโมยักษ์ที่มีขนาดน้ำหนักผลเฉลี่ย 15 กิโลกรัมได้ รสชาติดีเยี่ยม และทางชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตรได้นำพันธุ์แตงโมยักษ์มาปลูกในบ้านเราจนประสบความสำเร็จมาแล้ว

ขณะนี้ทางไต้หวันได้สร้างนวัตกรรมใหม่ด้วยการพัฒนาพันธุ์แตงโมให้มีเนื้อสีส้ม รสชาติหวานกรอบ และหวานกว่าแตงโมเนื้อสีเหลือง โดยมีน้ำหนักผลเฉลี่ย 5-6 กิโลกรัม ความหวานเฉลี่ย 12-13 เปอร์เซ็นต์บริกซ์ เริ่มมีเกษตรกรไต้หวันขยายพื้นที่ปลูกแตงโมเนื้อสีส้มกันมากขึ้น ทางชมรมฯ ได้เมล็ดพันธุ์แตงโมเนื้อสีส้มมาทดลองปลูกที่แผนกฟาร์มของชมรมฯ ที่ จ.พิจิตร ปรากฏว่าได้ผลผลิตไม่แตกต่างจากที่ปลูกในไต้หวันและ น่าจะเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการปลูกแตงโมเนื้อสีส้ม

ในการเตรียมแปลงปลูกแตงโมเนื้อสีส้มของไต้หวัน ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร จ.พิจิตร ได้มีการเตรียมแปลงด้วยการขึ้นแปลงแบบคู่กันโดยให้มีความกว้างของแปลงประมาณ 1 เมตร สำหรับความยาวของแปลงขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่และความสะดวกในการจัดการ แปลงปลูกแตงโมแต่ละคู่จะให้ห่างกันประมาณ 7-10 เมตร เพื่อให้เป็นพื้นที่ให้เถาแตงโมได้เลื้อยและติดผล สภาพของดินปลูกถ้าเลือกสภาพดินได้ควรเป็นดินร่วนปนทรายจะเหมาะสมที่สุด เนื่องจากมีการระบายน้ำที่ดี จะต้องปรับสภาพค่าความเป็นกรดด่างให้มีค่า pH เฉลี่ยอยู่ที่ 6-6.5 ถ้าดินมีสภาพความเป็นกรดสูงให้ใส่ปูนขาว ความจริงแล้วในการปลูกแตงโมเนื้อสีส้ม การปลูกและการบำรุงรักษาใช้วิธีการเดียวกับการปลูกแตงโมในบ้านเรา แต่มีรายละเอียดปลีกย่อยและเทคนิคที่มีความแตกต่างกันบางประการเท่านั้น อาทิ ในแต่ละต้นจะไว้แขนง 3 เถา และจะผสมดอกให้ติดผลเถาละ 1 ผลเท่านั้น ในการผสมดอกมีส่วนสำคัญของการปลูกแตงโมเนื้อสีส้ม ถ้าเป็นไปได้เมื่อผสมดอกจนติดผลแล้วควรเลือกผลที่ 3 หรือ 4 โดยนับจากการติดผลแรกจะดีที่สุด ช่วงเวลาในการผสมดอกคือช่วงเวลาเช้า 06.00-09.00 น.

ข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงการกำจัดวัชพืชและการเข้าไปย่ำในแปลงปลูกแตงโม ก่อนปลูกควรมีการฉีดยาคลุมวัชพืชให้ดี และหลีกเลี่ยงการเข้าไปขยับเถา เนื่องจากตาข้างของทุกเถาจะมีรากที่แทงออกมาช่วยในการหาอาหารส่งไปเลี้ยงผล หรือจะใส่ปุ๋ยช่วยบริเวณที่มีรากแทงออกมา ดังนั้นการเด็ดตาข้างจึงควรใช้มีดตัดที่ตาข้าง หรือเด็ดตอนที่ตาข้างเริ่มแตกออกมาจะดีที่สุด และไม่ควรยกเถาขึ้นโดยเด็ดขาด.

อ้างอิง:www.dailynews.co.th

ส่งความคิดเห็น