สวนผลไม้ผสมผสานลุงเยื้อน
สวนผลไม้ผสมผสาน ลุงเยื้อน เดินตามเศรษฐกิจพอเพียง
data-ad-format="autorelaxed">
ในวัย 70 ปีของ ลุงเยื้อนหรือชื่อตามบัตรประชาชนว่า เยื้อน อินทะผิว ยังบอกว่าตัวเองยังเป็นชาวสวนอย่างเต็มภาคภูมิแม้จะมีพื้นที่สวนแค่ 6 ไร่ แต่ลุงเยื้อนมีรายได้ปีละ 200,000 กว่าบาทโดยไม่มีลูกจ้าง หรือสมาชิกครอบครัวมาช่วย
ลุงเยื้อนเป็นชาวบ้านบุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย เป็นเกษตรกรที่คิดค้นการปลูกไม้ผลแบบผสมผสานที่ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีหรือสารเคมีแต่อย่างใด จนกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเศรษฐกิจพอเพียง ย้อนไปเมื่ออดีตลุงเยื้อนคือชาวสวนผลไม้ทั่วไป ที่ปลูกมะม่วง ปลูกมะขามราว 60-70 ไร่ ต้องประสบปัญหาต้นทุนที่สูงทั้งค่าปุ๋ยยา และราคาผลไม้ตกต่ำ อีกทั้งดูแลคนเดียวไม่ไหว เพราะมีพื้นที่มากเกินไป
แนวพระราชดำรัสด้านเศรษฐกิจพอเพียงช่วยเปลี่ยนวิธีคิดให้ลุงเยื้อนใหม่ ชายชราตัดสินใจขายทิ้งสวนไม้ผลเชิงเดี่ยว เปลี่ยนใจมาซื้อที่ดินในบ้านบุฮมในปี 2542 เริ่มแรกซื้อมาแค่ 2 ไร่ก่อนต่อมาจึงขยายพื้นที่เพิ่ม
ผลไม้ชนิดแรกที่ลุงเยื้อนนำลงดินคือพุทรา และมะม่วง ด้วยความตั้งใจจะไม่ใช้สารเคมีเพราะสงสารคนกิน ต่อมาจึงนำชมพู่มาลงเพราะคิดว่าชมพู่ไม่ต้องใช้สารเคมีอยู่แล้ว สามารถใช้กระดาษห่อผลไม้เพื่อลดปัญหาของแมลง แต่นับวันชมพู่จึงเติบใหญ่ขึ้น ลุงเยื้อนแอบคิดว่า แก่แล้วจะไม่มีแรงเก็บชมพู่ จึงนำมะยงชิดมาปลูกเพิ่ม เพราะต้นไม่สูงสามารถเก็บผลผลิตได้ง่าย แต่การเริ่มต้นปลูกมะยงชิดของลุงเยื้อนในครั้งนั้นทำให้ได้บทเรียนพอควร
“ไปซื้อมาจากตลาดคนขายบอกว่ามาจากปราจีน ซื้อมาต้นละ 200 บาท ผมซื้อมา 60 ต้นได้ของจริงแค่ 20 ต้น นอกนั้นเปรี้ยวหมด อยากจะฝากว่าใครที่คิดจะทำสวนไปหาซื้อต้นพันธุ์ควรเลือกจากแหล่งที่เชื่อถือได้”
ปัจจุบันสวนผลไม้ผสมผสานมีทั้งมะกอกน้ำ แก้วมังกร มะม่วง ชมพู่ กล้วย พุทรา มะเฟือง ลำไย ในหนึ่งปีผลไม้จะให้ผลผลิตต่างกัน อาทิ ในเดือนมีนาคม-เมษายนสวนจะมีรายได้จากการขายมะยงชิด ถัดมาเดือนมิถุนายน ช่วงที่มะม่วงให้ผลผลิต ต่อมาเป็นคิวของแก้วมังกร มะกอกน้ำบ้าง สับเปลี่ยนไปทั้งปี ซึ่งผลไม้ของสวนลุงเยื้อนจะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ เพราะมีคุณภาพดีปลูกแบบปลอดสาร และมีขนาดใหญ่เทียบขนาดมะยงชิดจากสวนลุงเยื้อนเท่ากับมะยงชิดที่ปราจีนซึ่งขายกันกิโลกรัมละ 300 บาท แต่ลุงเยื้อนขายแค่ 40 บาท ซึ่งเป็นผลไม้ที่ทำรายได้มากสุดในสวน ลุงเยื้อนดูแลด้วยการใส่ปุ๋ยหมัก ใช้น้ำส้มควันไม้ไล่แมลง พ่อค้าบางรายนำผลไม้ที่นี่ไปส่งออกเช่นมะม่วง น้ำหนักต่อลูกสูงถึง 3 กิโลกรัม
“ปีที่แล้วก็ได้ประมาณ 230,000 ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย แต่ค่าใช้จ่ายก็ไม่เท่าไรเพราะเราใช้ปุ๋ยคอก แกลบ น้ำหมักชีวภาพที่ทำเองคนเดียวทั้งสวน แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้ทำแล้วเพราะต้นไม้มันใหญ่แล้วหญ้าก็ไม่ค่อยมี ไม่เหมือนตอนแรกหญ้าขึ้น เราก็อาศัยจ้างเขามาวันละ 300 บาท พอต้นไม้ใหญ่เรื่องหญ้าก็ไม่เป็นปัญหา”
ลุงเยื้อนบอกว่าวิธีการทำสวนผลไม้จะแบ่งพื้นที่การปลูกเป็นโซนภายใน 1 ไร่จะปลูกไม้ผลที่เป็นหลัก 25 ต้น และปลูกรองชนิดอื่น ๆ 56 ต้น สรุปใน 1 ไร่จะมีผลไม้ 81 ต้น แรกเริ่มก็ให้น้ำเฉพาะเช้าเย็น ใช้ยาฆ่าแมลงบ้างในช่วงที่ผลไม้ออกดอก แต่เมื่อออกผลจะไม่ใช้สารเคมีเลย ทั้งนี้การปลูกแบบผสมผสานทำให้แมลงศัตรูพืชน้อยลงไปด้วย ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลไม้ได้คุณภาพดีมาจากดินด้วย เพราะพื้นที่สูงส่วนใหญ่เป็นดินลูกรัง โดยเฉพาะแก้วมังกรของที่นี่มีรสชาติหวานอร่อยไม่เหมือนใคร
“แก้วมังกรผมขายถูกแค่กิโลกรัมละ 15 บาท เคล็ดลับการดูแลไม่มีอะไรมาก แต่อยากบอกคนที่คิดจะปลูกว่าต้องทำค้างอย่างไรจึงจะถาวร ผมดูจากหนังสือเอาท่อซีเมนต์มาปลูกแล้วเสากลวง ใช้ไปไม่กี่ปีก็หัก ผมบอกว่าเป็นเสากลวงจะหักง่ายก็เอาเสาปูนที่เราทำรั้วบ้านมาทำแทน สั่งให้เขาทำสูง 1.50 ปักลงไป 50 ซม.แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีอนาคตลงทุนไม่มาก ไม่ต้องดูแลเท่าไร เดือนพฤษภาคมเริ่มแทงดอกแล้ว บำรุงโดยเอาปุ๋ยขี้วัวแกลบใส่ พอเริ่มเป็นดอกใส่ปุ๋ยขี้วัวอีกครั้ง แล้วทับด้วยแกลบที่ย่อยสลายแล้ว สวนผมมีไม่มากแค่ 100-200 ต้น มะยงชิดมีมากกว่า” ลุงเยื้อนเล่าถึงวิธีการปลูกไม้ผลตามแบบฉบับของตัวเองตามความรู้ที่มีติดตัวแค่ชั้นป.4 แต่ชอบอ่านหนังสือด้านเกษตรจึงนำความรู้นี้มาประยุกต์ใช้
นอกจากรายได้จากการขายผลไม้แล้ว ลุงเยื้อนยังบอกว่ามีรายได้จากการขายต้นพันธุ์โดยเฉพาะมะยงชิด และมะม่วงโดยเพาะเมล็ดขายต้นละ 100-150 บาท ชุมชนบ้านบุฮมส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวนมะม่วงและปลูกกล้วย แต่ละปีมะม่วงทำรายได้ให้กับชุมชนปีละ 400 ล้านบาท
“คนที่นี่ไม่ทำแบบผมหรอก เขาแข่งขันกันพอปลูกกล้วยก็รุมกันปลูก โค่นต้นมะขามทิ้ง เขาว่ามะม่วงดีปลูก พอยางดีก็จะปลูกยาง ผมนี่ถึงอย่างอื่นดีก็ไม่ทำหรอก ยิ่งปลูกยางมันยิ่งลำบากกลางคืนไม่ได้นอนต้องมานอนตอนกลางวัน ผมทำแค่นี้มีความสุขแล้ว ภรรยาผมก็ไปอยู่เชียงใหม่ไปเลี้ยงหลาน ลูกสาวคนโตก็ปลูกสักไว้ให้ตอนนี้จะขายได้แล้ว”
ทุกเช้าลุงเยื้อนจะตื่นขึ้นมาดูแลสวนด้วยการเปิดปั๊มน้ำให้น้ำต้นไม้ พร้อมกับขี่จักรยานรอบ ๆ สวน ซึ่งทางเดินปูซีเมนต์ไว้ทั้งหมด อันนี้เป็นความช่างคิดของลุงเยื้อนอีกว่าคนสูงอายุต้องออกกำลังกาย ดังนั้นทางเดินในสวนจึงเทปูนทั้งหมด ระหว่างขี่จักรยานลุงเยื้อนจะเปิดเพลงคลอไปด้วย โดยแขวนลำโพงกระจายตามต้นมะม่วงบ้างชมพู่บ้าง จนถึง 8 โมงเช้าจึงจะไปรับประทานอาหารเช้า และมาอยู่กับสวนอีกครั้งตอน 4 โมงเย็น ในช่วงระหว่างวันลุงเยื้อนจะทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยตัวเองทั้งหมด เช่น การพับถุงกระดาษห่อผลไม้จะใช้เวลาในช่วงดูทีวีบ้างทำไป ทำน้ำส้มควันไม้ โดยที่ไม่ต้องไปซื้อหาให้เปลืองทุน และต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมดูงาน
“ผมว่าถ้าใครลองทำแบบนี้ดูคงจะไม่ลำบาก สมมุติว่าครอบครัวหนึ่งมีที่ดินไม่มากมีลูก 5 คนแบ่งกันคนละ 6 ไร่ สมมุติว่าแต่ละคนมีรายได้ปีละ 200,000 บาทนี่คือขั้นต่ำแล้ว รวมกันลูก 5 คนก็มีรายได้เป็นล้านแล้ว ไม่ต้องไปรุกป่าปีนภูเขาหาที่ทำกิน ซึ่งทำแบบราดสารเคมีต่อไปผลไม้จะเล็กลง ผิวไม่สวย ทำแบบธรรมชาติจะดีกว่า แล้วการใช้สารเคมีของประเทศก็จะลดลง”
ลุงเยื้อนให้ข้อคิดและพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ที่เกิดจากการค้นคว้าให้ผู้สนใจ พูดคุยกับลุงเยื้อนได้ที่เบอร์ 08-2300-5060 พร้อมจะให้คำปรึกษา...เพราะอยากให้คนไทยเดินตามรอยเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเหมือนกับที่ตัวเองทำแล้วสำเร็จและมีความสุข
อ้างอิง : http://www.dailynews.co.th/
อ่านเรื่องนี้แล้ว : 132255 คน
£
ความคิดเห็นจากผู้อ่าน:
ริน[email protected]ฝากร้านหน่อยน่ะค่ะพอดีทางร้านจำหน่ายน้ำส้มควันไม้ยูคาสนจัยติดต่อ0909491641 คุณริน
28 ก.ค. 2557 , 03:43 PM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |
ธวัชชัย บัวภา[email protected]ลุงเก่งจริงๆ อยากไปศึกษาดูงานจัง และชอบอีกอย่าหนึ่งคือในสวนมีทางเดินซีเมนต์ สำหรับปั่นจักรยาน และมีลำโพงกระจายตามจุดต่างๆ เท่จริงๆ ชอบมาก
18 มิ.ย. 2555 , 09:31 PM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |
นาง[email protected]ต้องการหาซื้อต้นกล้ามะม่วง ชมพู่ กล้วย พุทราลำใย ส้มโอ ส้มเขียวหวาน ทุเรียน ฝรั่ง
มีเนื่อที่ห้าไร่ค่ะ อยู่ที่โคราช อ.หนองบุญมาก ต.หนองตะไก้ คิดว่าควรปลูกอะไรบ้างค่ะ
ขอเบอร์ติดต่อสอบถามบ้างค่ะ
09 ก.พ. 2555 , 10:38 PM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |
widget[email protected]ส่วนใหญ่ใช้สารเคมีจริงๆครับ แต่ส่วนน้อยที่ทำได้ ก็มีเหมือนกันครับ
17 ต.ค. 2554 , 05:04 AM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |
วอแว[email protected]เท่าที่เห็นคนทำเกษตรส่วนใหญ่ต้องพึ่งสารเคมีทั้งนั้น มันหาอยากอ่ะที่จะปลอดสารพิษจริง
17 ต.ค. 2554 , 02:38 AM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |