ดร.ศศธร สิงขรอาจดร.ศศธร สิงขรอาจ ทุกคนคงรู้จัก"ป๊อปคอร์น" ขนมขบเคี้ยวยอดนิยมที่ทำจากเมล็ดข้าวโพด ด้วยรสชาติหอมหวานมันเค็มจนเป็นที่ชื่นชอบทั้งเด็กและผู้ใหญ่ กินเพลินเกินก็เจ็บคอเป็นไข้กันได้ เป็นภัยกับร่างกายมากกว่า แต่ล่าสุดได้มีการนำเอาเมล็ดข้าวหอมของไทยมาต่อยอดผลิตเป็น "ป๊อปไรซ์" (Pop Rice) ได้เป็นผลสำเร็จรายแรกของโลกและพร้อมที่จะวางจำหน่ายในท้องตลาด โดยบริษัท ณัฐกฤษกาญจน์ อะกริเทค จำกัด น้องใหม่ในวงการสแน็กที่ได้ร่วมงานวิจัยนำมาต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกขายเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมและได้ผลตอบรับอย่างดี ถือเป็นนวัตกรรม new product ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน
ดร.ศศธร สิงขรอาจ ผู้จัดการโรงงาน บริษัท ณัฐกฤษกาญจน์ อะกริเทค จำกัด เล่าว่า บริษัท จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2549 เพื่อต้องการนำงานวิจัยออกมาสู่เชิงพาณิชย์หรือจากหิ้งสู่ห้าง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากข้าวและธัญพืช เนื่องจากมองว่าข้าวมีคุณค่าและสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวไทยได้ จึงควรออกไปสู่มือผู้บริโภค ออกไปสู่ตลาด ประกอบกับที่ได้ร่ำเรียนระดับปริญญาโทคณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และเคยร่วมทำงานวิจัยเกี่ยวกับกระบวนการงอกของข้าวกล้องเพาะงอกทำให้เกิดความสนใจเรื่องข้าวมาโดยตลอด
4802 กระทั่งมาเปิดบริษัททำธุรกิจแรกๆขายเฉพาะข้าวกล้องเพาะงอก ข้าวผงผสมคอลลาเจนชนิดชงดื่ม เน้นอาหารเพื่อสุขภาพ ยังไม่ได้คิดเรื่อง Pop Rice พอได้ไอเดียนี้จึงลองแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เป็นขนมดูบ้าง นับเป็นจุดเริ่มต้นให้ลองมาทำวิจัยร่วมกับ รศ.ดร.ณัฎฐา เลาหกุลจิตต์ ประธานสายวิชาเทคโนโลยีชีวเคมี คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มจธ. หลังจากปรับปรุงพัฒนากระบวนการต่างๆจนสามารถผลิตได้ในปริมาณมากแล้ว จึงนำออกทดลองขายตามงานต่างๆเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้ผลตอบรับดีมาก ทำให้บริษัทเตรียมแผนนำผลิตภัณฑ์ Pop Rice ออกสู่ตลาด หลังจากที่ได้พัฒนาแพ็กเกจจิ้งให้ดูทันสมัยขึ้น คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายได้ที่ร้าน 7- Eleven ทั่วประเทศ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Be Live Rice อาหารเพื่อสุขภาพ เจาะกลุ่มผู้รักสุขภาพ ปัจจุบันมีให้เลือก 3 รสชาติ คือ ดั้งเดิม คาราเมลและช็อกโกแลต
ส่วนแนวคิดในการนำข้าวหอมมาพัฒนาเป็น Pop Rice เพราะประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตข้าวรายใหญ่ของโลกและในชีวิตประจำวันเราต่างกินข้าวกันอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันคนเริ่มสนใจบริโภคข้าวน้อยลงหันไปสนใจทานขนมขบเคี้ยว เช่น ข้าวโพดคั่วหรือป๊อปคอร์นมากขึ้น แต่ป๊อปคอร์น เราต้องสั่งเมล็ดพันธุ์มาจากต่างประเทศ ขณะที่ข้าวเราปลูกได้เองและสามารถใช้ภูมิปัญญาแปรรูปไปเป็นขนมชนิดต่างๆได้ อาทิ ข้าวพอง ข้าวแต๋น กระยาสารท ด้วยวิธีการทอด แต่มักจะมีปัญหาเรื่องกลิ่นหืน และน้ำมันที่ใช้ทอดอาจจะมีปัญหาต่อสุขภาพ และที่สำคัญรสชาติที่ได้อาจไม่เป็นที่นิยมหรือถูกปากผู้บริโภค จึงได้ทดลองนำข้าวมาแปรรูปในลักษณะเดียวกับข้าวโพดคั่ว เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวหอมของไทยในรูปแบบของขนมขบเคี้ยว
"นวัตกรรม Pop Rice มีความแตกต่างจาก Pop Corn คือ เวลาทาน Pop Corn จะมีกากแข็งๆเหลือ ทำให้รู้สึกระคายลิ้น แต่สำหรับ Pop Rice จะไม่มีปัญหาดังกล่าว เพราะผลิตจากข้าวกล้องหอม นอกจากนี้ข้าวโพดพันธุ์ที่นำมาแปรรูปเป็น Pop Corn นั้นเรายังไม่สามารถปลูกได้เองจะต้องนำเข้าเมล็ดข้าวโพดมาจากต่างประเทศ"เขากล่าว
นอกจากนี้การนำข้าวมาแปรรูปคล้ายข้าวโพดคั่ว นอกจากเป็นการเพิ่มมูลค่าของข้าว โดยมีราคาเพิ่มขึ้นจากราคาข้าวเปลือกถึง 80 เท่าตัวแล้ว ยังพบว่าช่วยให้ทานได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาไม่สามารถทานข้าวหรือมีอาการแพ้โปรตีนกลูเตนที่อยู่ในข้าวสาลี เช่น คนในแถบยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา ก็สามารถทาน Pop Rice แทนข้าวสาลีได้ โดยนำมาทานเป็นซีเรียลหรืออาหารเช้า หรือการนำมาปรุงรสชาติให้มีความเป็นสากลมากขึ้น เช่น รสช็อกโกแลต รสคาราเมล ฯลฯ เชื่อว่าจะได้รับความนิยมเช่นเดียวกันกับ Pop Corn
"เราเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นนวัตกรรมจากภูมิปัญญาไทยสู่สากล และยังแสดงให้เห็นว่า "ข้าวคั่วพองกรอบยุคใหม่ ใส่ใจสุขภาพ ด้วยการคัดสรรข้าวกล้องคุณภาพดีไม่ใช้น้ำมันในกระบวนการผลิต" ดร.ศศธร กล่าวในที่สุด
จาก aec.thanjob.com