data-ad-format="autorelaxed">
ไข่มดแดง นับเป็นของป่าที่มูลค่า และหากินได้ยากมาก เนื่องจากจำนวนการออกผลผลิตมีได้เพียงปีละครั้ง ทำให้มีราคาและเป็นที่ต้องการของตลาด แต่คงไม่ใช่ในปัจจุบัน เพราะได้มีเกษตรกรจำนวนไม่น้อยที่หันมาเลี้ยงไข่มดแดงคอนโด และบังคับให้ออกไข่นอกฤดูกาล จนกลายเป็น 1 อาชีพที่เสริมรายได้ให้คนไทยจำนวนไม่น้อย
ความรู้การทำคอนโดไข่มดแดง จากแนวคิดและภูมิปัญญาของ “พ่อครูสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์” ปราชญ์แห่งสวนป่ามหาชีวาลัยอีสาน ที่ได้ระบุว่า ภูมิปัญดังกล่าวเกิดจากการสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ โดยเฉพาะมดแดงที่บางครั้งมักจะทำรังในขวดพลาสติก หรือท่อพีวีซี ซึ่งจากการสังเกตนี้เองจึงทำให้เกิดแนวคิดการเลี้ยงไข่มดแดงคอนโดขึ้นมา
การทำคอนโดไข่มดแดงสามารถทำได้หลายวิธี แต่ที่นิยมทำกันคือการนำขวดพลาสติกมาเจาะรูด้านข้างหรือตัดขวดตามแนวขวางประมาณ 1/4 บริเวณส่วนหัวขวด แล้วจึงนำส่วนที่ตัดแล้วสอดกลับเข้าไปในตัวขวด โดยให้ปากขวดหงายขึ้น (ดังภาพ) บริเวณก้นขวดให้เจาะรูเพื่อทำเป็นที่แขวนผูกติดกับต้นไม้
จากนั้นก็ล่อให้มดแดงเข้ามาอยู่ในคอนโดนั้น โดยใช้เหยื่อจำพวกแมลงอบแห้ง (อบด้วยแสงแดด) เช่น จิ้งหรีด แมงเม่า แมงจินูน เป็นต้น ใส่ลงไปในรังเทียม หากเป็นแมลงตัวใหญ่ใช้ประมาณ 5-6 ตัว แต่หากเป็นแมลงตัวเล็กจะต้องใส่จำนวนมากหน่อยประมาณ 15-20 ตัว
ซึ่งการจะได้ผลดีต้องสังเกตด้วยว่าต้นไม้นั้นมีมดแดงรังใหญ่อยู่มากขนาดไหน เพราะส่วนใหญ่มดแดงที่จะคาบไข่มาไว้ในรังเทียม จะเป็นมดแดงที่มีรังขนาดใหญ่ ๆ มีประชากรเยอะ ๆ และหากรังเทียมไหนมีมดแดงเยอะก็ไม่ควรเติมเหยื่อเพิ่ม แต่ควรดูแลอย่าให้รังมดถูกรบกวนไม่อย่างนั้นมดแดงอาจจะขนไข่ย้ายหนีไปได้
การทำคอนโดไข่มดแดงให้ประสบความสำเร็จ ต้องทำควบคู่กับการเลี้ยงมดแดง ซึ่งจะต้องให้อาหารจำพวกแมลงอบแห้ง และน้ำผสมน้ำหวาน โดยข้อดีของการทำคอนโดมดแดงคือ การลดการทำลายรังและประชากรของมดแดง อีกทั้งหากเลี้ยงในเชิงพาณิชย์จะช่วยให้ผู้เลี้ยงเก็บไข่มดแดงได้สะดวกสบายขึ้น เราสามารถเลือกเก็บไข่มดแดงได้ และทำให้ทราบถึงปริมาณไข่มดแดงที่จะเก็บขายได้ พ่อครูสุทธินันท์ ระบุ
ด้านคุณไพรัตน์ ชื่นศรี ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านแสงจันทร์ หมู่ที่ 7 ตำบลสนามชัย อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาเปิดเผยถึงเทคนิคการเลี้ยงมดแดงให้ออกไข่นอกฤดู ว่า
หากฝนไม่ตกให้ทำการฉีดน้ำใส่ใบหรือฉีดใส่ต้นไม้ในช่วงเย็นๆ เดือนละ 1-2 ครั้ง ในช่วงฤดูหนาวและร้อน มดแดงก็จะเพิ่มจำนวนได้มากขึ้น หรือให้ติดสปริงเกอร์ ตลอดแนวราวเลี้ยงมดแดง เพื่อฉีดน้ำในช่วงที่ฝนไม่ตกหรือฤดูร้อนเพื่อหลอกว่าเป็นช่วงฤดูฝน โดยที่ในช่วงเดือนมีนาคม เริ่มให้น้ำโดยการใช้น้ำฉีดจากสายยางหรือสปริงเกอร์ที่ติดตั้งไว้
จากนั้นให้อาหารตามปกติ ประมาณอีก 1 เดือน เริ่มมีไข่สามารถเก็บจำหน่ายได้ วิธีการสังเกตว่ามดแดงรังไหนสามารถเก็บได้คือ ให้ดูจากรังว่าใหญ่หรือไม่ หรืออีกวิธีหนึ่งคือ ให้สังเกตว่าที่รังมดแดงเป็นฝ้าหรือไม่ ถ้าเป็นฝ้าสีขาวขึ้นตามขอบรังแสดงว่าเก็บมดแดงได้แล้ว
สำหรับขั้นตอนวิธีการทำ สามารถทำได้โดยง่าย ดังนี้
1. สังเกตดูบริเวณป่าที่จะเลี้ยงมดแดงจะต้องมีต้นไม้อย่างน้อย 5-10 ต้น เป็นไม้ผล หรือไม้พื้นเมืองก็ได้ มดแดงจะชอบอยู่ อาศัยพื้นที่ป่า และพื้นที่ที่มีต้นไม้ใบอ่อน
2. ตัดขวดน้ำพลาสติก โดยแบ่งครึ่ง 2 ส่วน ล้างน้ำให้สะอาด นำมาเจาะรู 2 รู เพื่อทำการผูกลวดใส่กับต้นไม้
3. ส่วนที่มีฝาขวดใช้ใส่อาหารเพราะถ้ามีน้ำขังสามารถเปิดฝาให้น้ำระบายออกได้
4. ส่วนที่เป็นก้นขวดให้ใส่น้ำ และนำกิ่งไม้ใช้เชือกผูกกับต้นไม้เป็นทางลงโดยหย่อนพาดลงในขวดที่ตัดใส่น้ำและอาหาร
5. ขึงเชือกโดยผูกติดกับต้นไม้และผูกโยงเชือกระหว่างต้นไม้เป็นถนนเส้น ทางเดินไปมาของมดระหว่างต้นไม้
6. การเลี้ยงหลังจากจัดเตรียมเส้นทางและเลือกต้นไม้ไว้แล้ว ให้ไปหารังมดแดง นอกพื้นที่ไกล ๆ ยิ่งดี เพื่อไม่ให้เกิดเลือดชิดเพราะถ้าเลือดชิดจะทำให้การเกิดไข่น้อย
7. หลังจากที่เลือกรังมดแดงได้แล้ว ให้ทำการตัดรังมดแดงใส่ในถุงปุ๋ยรังละถุง
8. นำรังมดแดงที่ตัดมาได้เอาปล่อยในตอนเย็น โดยมัดถุงปุ๋ยที่ใส่มดแดงไว้กับต้นไม้ ตอนเช้าค่อยให้น้ำและอาหารที่เตรียมไว้ในขวดน้ำอัดลมที่มัดติดต้นไม้ มดแดงก็จะไต่ออกมาและสร้างรังใหม่เอง
ข้อมูลจาก เพจ เกษตรก้าวหน้า