ฟาร์มเกษตร
ครบเครื่อง เรื่องปุ๋ยยา
ช่องทางการสั่งซื้อสินค้าจากฟาร์มเกษตร
1. โทรสั่งซื้อที่ 089-459-9003
2. แอดไลน์ไอดี PrimPB แชทสั่งซื้อ
3. สั่งทางเฟสปริม เฟสบุ๊คปริมคลิกที่นี่
4. สั่งผ่านะระบบตระกร้าสินค้า FKX.asia
5. สั่งผ่านเว็บลาซาด้า LAZADA.co.th
ทุกช่องทาง ชำระเงินขณะรับสินค้าที่บ้านคุณ
หมวด: ห้องปศุสัตว์ | อ่านแล้ว 23982 คน | สั่งพิมพ์หน้านี้ | L

การเลี้ยงฮวก หรือ ลูกอ๊อด ทำรายได้สูง

ความต้องการบริโภค หมกฮวก มากขึ้น ลูกกบ หรือ ลูกอ๊อด ตามแหล่งน้ำธรรมชาติที่นำมาทำเป็น หมกฮวก จึงลดน้อยลงและเริ่มขาดแคลน

data-ad-format="autorelaxed">

หมกฮวก ซึ่งถือเป็นเมนูจานเด็ดที่อยู่คู่ชาวอีสานมาช้านาน แม้จะโด่งดังไม่เท่าส้มตำ แต่ชาวอีสานแท้ๆ ก็นิยมบริโภคกันมาก เรียกว่าจะขาดไม่ได้

 

การที่มีความต้องการบริโภคหมกฮวกกันมาก ลูกกบหรือลูกอ๊อดตามแหล่งน้ำธรรมชาติที่นำมาทำเป็นหมกฮวกจึงลดน้อยลงและเริ่มขาดแคลน จึงมีเกษตรกรสมองใสคิดเพาะเลี้ยงลูกอ๊อดหรือลูกกบป้อนตลาดเพื่อไม่ให้ขาดแคลน


นายวุฒิ ทองดีเกษตรกรหนุ่มวัย 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 315 หมู่ 4 บ้านคำมะดูก ต.บุ่ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ได้เล่าถึงความเป็นมาในการเพาะเลี้ยงฮวก (ลูกอ๊อด) ว่าตนได้ทดลองลงมือเพาะเลี้ยงฮวกมาตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2539 ซึ่งตนมีผืนนาอยู่ประมาณ 4 ไร่เศษ เป็นพื้นที่สูง ทำนาได้ข้าวปีละไม่กี่ถัง ลำพังนำมาเลี้ยงครอบครัวยังไม่เพียงพอ อย่าว่าแต่นำไปขายเลย เปลี่ยนไปทำการเพาะปลูกแตงกวาก็ไม่ประสพผลสำเร็จ จึงได้ทดลองเลี้ยงฮวกขาย โดยการปรับพื้นที่นาผืนเดิมให้เป็นบ่อเพาะเลี้ยง ทำเป็นบ่อคอนกรีต (บ่อปูนซีเมนต์) จำนวน 10 บ่อ บ่อดินสำหรับเลี้ยงฮวก 25 บ่อ การเพาะพันธุ์ และการจำหน่าย


แต่ละบ่อมีขนาดกว้าง 20 เมตร ยาว 8 เมตร ลงทุนไปซื้อกบพ่อพันธุ์แม่พันธุ์มาจาก จ.สุพรรณบุรี จำนวน 150 ตัวๆ ละ 250 บาท เป็นกบพันธุ์นางนวล ต่อจากนั้นก็มีการขยายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เอง

 

โดยจะเก็บกบพันธุ์ไว้ปีละ 4,000 ตัว ตัวมีย 2,000 ตัว ตัวผู้ 2,000 ตัว กบพ่อพันธุ์แม่พันธุ์แต่ละรุ่นจะสามารถให้ผลผลิตได้ถึงระยะเวลา 2 ปี ต่อจากนั้นก็จะเปลี่ยนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์กบรุ่นเดิมก็จะถูกนำไปปล่อยตามท้องไร่ท้องนา จะไม่ขายหรือฆ่า ซึ่งกบแต่ละรุ่นจะให้ลูกฮวกได้นานถึง 8 ครั้ง ในการผสมก็จะใช้วิธีการธรรมชาติ และทางเทคนิค โดยลูกฮวกเกิดใหม่จะพักไว้ในบ่ออนุบาล 7 วัน ต่อจากนั้นก็จะนำลงไปปล่อยเลี้ยงในบ่อดินที่เตรียมไว้ เลี้ยงอยู่ประมาณ 15 วัน ก็สามารถได้ลูกฮวกที่โตได้ขนาดพอขาย ราคาขายส่ง 200 บาท/กิโลกรัม ถ้าเป็นขายปลีกก็ราคา 300 บาท/กิโลกรัม


ในแต่ละบ่อดินที่ทำการเพาะเลี้ยงจะสามารถได้ลูกฮวกประมาณ 70 กิโลกรัม/ 1 บ่อ ถ้ารวมทั้งหมดก็จะประมาณ 1,750 กิโลกรัม/รุ่น ลูกค้าที่มาซื้อก็มีทั้งในและต่างจังหวัด อาทิ กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษฯ โดยเฉพาะที่ จ.กาฬสินธุ์ถือได้ว่าเป็นขาประจำ จะลงมาซื้อครั้งละ 200-300 กิโลกรัม ซึ่งก็จะทำให้มีรายได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการเพาะเลี้ยงฮวกจะเป็นการเพาะเลี้ยงนอกฤดูกาล ซึ่งปกติฮวกธรรมชาติทั่วไปจะมีในฤดูฝนเท่านั้น ถ้าคิดต่อรุ่นก็สามารถทำเงินให้ประมาณ 300,000-400,000 บาท


ในขณะที่เราใช้เวลาเลี้ยงฮวกอยู่ประมาณ 21-25 วัน แต่ก็จะมีข้อจำกัดในการเพาะเลี้ยงอยู่ว่า ต้องเพาะเลี้ยงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคม เท่านั้น ต่อจากนั้นก็จะเก็บกบพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไว้จนถึงฤดูกาลเลี้ยงอีกที ในส่วนของอาหารกบและฮวกเราจะให้หัวอาหารเม็ด 2 เวลา คือ เช้า-เย็น นอกนั้นกบหรือฮวกยังกินดินโคลนหรือแมลงต่างๆ เป็นอาหารอีก ก็นับว่าเพาะเลี้ยงง่ายโตเร็ว ขายก็ง่าย เป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภค


ในเรื่องของการตลาดแล้วถือได้ว่ามีความสดใสมาก เพราะลูกฮวก นอกฤดูกาลตามธรรมชาติ ประชาชนจะชื่นชอบมาก จะนำลูกฮวกไปประกอบเป็นอาหารเมนูเด็ดได้หลายอย่าง เช่น หมกฮวก อ่อมฮวก แกงใส่หน่อไม้ดอง โดยเฉพาะชาวอีสานแล้วจะชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะฮวกมีรสชาติอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ ที่สำคัญฮวกจะไม่มีกระดูก ทานก็ง่าย นอกนั้นนักตกปลายังชื่นชอบมาซื้อไปเพื่อเป็นเหยื่อตกปลาอีก เพราะลูกฮวกที่นำไปเป็นเหยื่อตกปลาจะทำให้ได้ปริมาณปลาที่ตกมาก โดยเฉพาะปลาช่อน คุ้มค่าไม่เสียเวลา สำหรับน้ำที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงเราก็จะใช้น้ำประปาบาดาลที่ขุดเจาะขึ้นเอง บางส่วนก็จะใช้น้ำคลองส่งน้ำที่ทางกรมชลประทานส่งปล่อยมาให้

 

ในเรื่องของปัญหาอุปสรรคก็จะเป็นจำพวกศัตรูของฮวกคือ งูชนิดต่างๆ จะชอบหลบเข้ามากินลูกฮวกในเวลากลางคืน แต่เราก็แก้ไขปัญหาโดยการนำเอาผ้าเขียวพลาสติกมาล้อมกันไว้ไม่ให้งูเข้ามากินได้ นอกนั้นก็ยังมีเจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดได้ออกมาเยี่ยมฟาร์มพร้อมกับให้คำแนะนำในด้านวิชาการเพาะเลี้ยงให้อีก ก็นับได้ว่าการเพาะเลี้ยงลูกฮวกขายทำให้ครอบครัวมีรายได้อย่างมั่นคง ดีกว่าการทำนาข้าวหลายเท่า อีกอย่างในเรื่องของราคาซื้อขายก็ตกลงยินยอมซื้อขายกันเองตามท้องตลาดไม่มีการผูกขาดหรือผู้ซื้อกำหนดราคาซื้อผู้ขายกำหนดราคาขาย ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ เพราะไม่มีพ่อค้าคนกลางมากำหนดราคาแทน จะราคามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณของลูกฮวก เช่นถ้าย่างเข้าฤดูฝนตกชุกฮวกตามธรรมชาติทั่วไปมี ราคาก็จะถูกลง


นายวุฒิ ยังได้เล่าให้ฟังอีกว่า ในขณะนี้ได้ขยายพื้นที่การเพาะเลี้ยงออกไปอีกโดยได้ขอซื้อที่เพื่อนบ้านใกล้เคียงบ่อเลี้ยงอีกประมาณ 4 ไร่เศษ สร้างบ่อดินเพิ่มเติมอีก นอกนั้นยังได้มีการพัฒนาสายพันธุ์กบ เพื่อที่จะให้ได้ผลผลิตลูกฮวกมากขึ้น ให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด และสายพันธุ์ใหม่คือ พันธุ์ ฟรูฟอกซ์ ทั้งนี้เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด และเป็นการพัฒนาอาชีพให้มั่นคงนั่นเองและในช่วงปิดเทอมปีนี้ตนได้มีการจ้างงานเด็กนักเรียนในละแวกบ้านมาช่วยทำงานเพื่อหารายได้อีกด้วย โดยได้ค่าจ้างวันละ 80-100 บาท แล้วแต่งานมากงานน้อย และก็ได้เพิ่มพื้นที่ขึ้นอีกจำนวน 2 ไร่เศษๆ


สำหรับ วิธีการเพาะเลี้ยงฮวก หรือลูกอ๊อด


1.เตรียมกบพ่อพันธุ์แม่พันธุ์

2.เตรียมบ่อให้สะอาดผ่านการฆ่าเชื้อโรค

3.นำกบมาผสมพันธุ์

4.เพาะเลี้ยงลูกฮวกในบ่ออนุบาล 7 วัน

5.นำลูกฮวกไปเพาะเลี้ยงในบ่อดินที่เตรียมไว้

6.ให้หัวอาหารเม็ดวันละ 2 เวลา (เช้า-เย็น)หลังจากกบออกไข่แล้ว ประมาณ 24 ชั่วโมง ไข่กบก็ฟักออกเป็นตัว เรายังไม่ต้องให้อาหารใดๆ จนผ่านไปถึงวันที่ 3 จึงเริ่มให้อาหาร โดยเริ่มให้ทีละน้อยๆ และหมั่นสังเกตด้วยว่า ลูกกบกินอาหารหมดหรือไม่ หากหมดก็ค่อยๆ เพิ่ม หากไม่หมดก็ลดการให้อาหารลง ระยะอนุบาลลูกกบนี้ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกๆ 3 วัน หรือหากน้ำเริ่มเสียก็เปลี่ยนน้ำเร็วขึ้น ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึง 3 วัน อาหารลูกกบก็ให้อาหารปลาดุกเล็ก ราคาปัจจุบันกระสอบละ 525 บาท ระดับน้ำในคอกโดยเฉลี่ยประมาณ 30 เซนติเมตร เมื่อลูกอ๊อดอายุครบ 15 วัน ก็จะเริ่มจับจำหน่าย ลูกอ๊อดแต่ละรุ่นในหนึ่งคอกจะอยู่ที่ 80-100 กิโลกรัม ราคาจำหน่ายสูงสุดกิโลกรัมละ 120 บาท ต่ำสุดก็ 80 บาท การจำหน่ายจะมีลูกค้าประจำไปรับที่ฟาร์มและลูกค้าขาจร เคยจำหน่ายได้มากที่สุดวันหนึ่งถึง 700 กิโลกรัม การบรรจุหีบห่อ ใช้ถุงพลาสติคซ้อนสองใบ ใส่ลูกอ๊อดตามขนาดของถุง อัดออกซิเจน ปิดปากถุงด้วยยางรัดให้แน่น ป้องกันการรั่วของอากาศ อายุในการขนส่งอยู่ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง ลูกค้าที่รับไปสามารถเดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น อุดรธานี ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ได้โดยที่ลูกอ๊อดยังไม่ตาย

 

จาก nanasarakaset.blogspot.com


อ่านเรื่องนี้แล้ว : 23982 คน £




ความคิดเห็นจากผู้อ่าน:

ส่งความคิดเห็น



เลือกหมวด :

แสดงเนื้อหารวมจากทุกหมวด, สินค้าเกษตร, ไอเดียและเทคโนโลยีเกษตร, รวม VDO เด่นจาก FK, นาข้าว, เศรษฐกิจเกษตร, ภาพถ่ายเกษตร, ไร่อ้อย, มันสำปะหลัง, ยางพารา, ปาล์มน้ำมัน, ไร่ข้าวโพด, ผักและการปลูกผัก, การปลูกพืช, ไม้ผล ไม้ยืนต้น, เกษตรน่ารู้, สมุนไพร, ไม้มงคล, พุทธศึกษา, FK Talk, สุขภาพ, การใช้ SUN กับพืชต่างๆ, แอพฯด้านเกษตร, ไม้ดอก ไม้ประดับ, องค์กรด้านเกษตร, ซื้อขายที่ดิน, ห้องปศุสัตว์, ประมง, เกษตรกรตัวอย่าง, ฟาร์มเกษตรพาเที่ยว, FK Freestyle, Agri live update, ออแกนิกส์, จักรกล, อุปกรณ์การเกษตร, ไร่กาแฟ,


แสดงทั้งหมดใน [ห้องปศุสัตว์]:
ไทยไฟเขียว นำเข้าเนื้อวัวเนเธอร์แลนด์ ย้ำปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ใน พ.ศ.2559 กรมปศุสัตว์ได้อนุมัติ อย่างเป็นทางการให้เนเธอร์แลนด์ส่งออกเนื้อลูกวัวและเนื้อวัวมายังประเทศไทย
อ่านแล้ว: 7388
ไก่โคราช เลี้ยงง่าย โตไว
ไก่เนื้อโคราช เป็นไก่ลูกผสมเกิดจากการผสมพันธุ์ ของพ่อพันธุ์พื้นเมือง ไก่เหลืองหางขาวของกรมปศุสัตว์ กับแม่พันธุ์ ไก่ มทส.
อ่านแล้ว: 7613
ไฟเขียวนำเข้าเนื้อวัวเนเธอร์แลนด์!!!
ย้ำปลอดภัยต่อผู้บริโภค-พรีเมี่ยม ขณะที่ไทยขยายเวลานำเข้าลูกไก่-ไข่ฟัก หลังโรควัวบ้าระบาดในยุโรปทำส่งออก-นำเข้าชะงัก
อ่านแล้ว: 7136
เลี้ยงวัวทุนน้อย แต่ครบวงจร ทำได้ไหม รวยได้ไหม?
ผมเลี้ยงวัวแม่พันธุ์เอาไว้ 4 ตัว อีก 4 ตัวเป็นวัวที่กำลังขุนอยู่ ก็ทำตามกำลังทุนและกำลังกายที่เรามี
อ่านแล้ว: 8329
โคเนื้อกำแพงแสน สร้างรายได้ ม.เกษตรฯกระจายพันธุ์ ช่วยเกษตรกรดันรายได้สุทธิพุ่ง
เกษตรกรที่เลี้ยงโคเนื้อกำแพงแสนแบบขุนขาย พบว่ามีต้นทุน 39,682.50 บาทต่อตัว หรือ 70.86 บาทต่อกิโลกรัม
อ่านแล้ว: 6877
คนเลี้ยงหมู สุดช้ำ แม้เงินเฟ้อ แต่ราคากลับถูกลง
อ้างเหตุผลความต้องการลดลงในช่วงปิดเทอมและเทศกาลกินเจ
อ่านแล้ว: 5921
ปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์
การเตรียมดิน พืชอาหารสัตว์ เป็นพืชที่ต้องการแสงแดดในการเจริญเติบโตอย่างมาก ในแปลงปลูกหญ้า จึงต้องโค่นตัดต้นไม้ออก
อ่านแล้ว: 6320
หมวด ห้องปศุสัตว์ ทั้งหมด >>