data-ad-format="autorelaxed">
ชาวสวนยางเฮถ้วนหน้า ราคายางขยับสูงสุดรอบ 3 เดือนใกล้แตะ 60 บาท/กก. ประเมินปลายปีนี้ยางแผ่นดิบราคาไม่ต่ำกว่า 70 บาท/กก. ชี้ปัจจัยใน-นอกหนุนเพียบทำซัพพลายยางขาด ใต้ฝนถล่ม-เหนือ/อีสาน เริ่มหนาว น้ำยางออกน้อย พ่อค้าจีนเร่งนำเข้าป้อนอุตฯยางล้อรถยนต์เพื่อเร่งผลิตส่งสหรัฐฯ ก่อนขึ้นภาษี
นายธีรพงศ์ ตันติเพชราภรณ์ ผู้แทนสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (บอร์ด กยท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงสถานการณ์ผลผลิตยางพาราในพื้นที่ภาคใต้ในฝั่งอันดามันว่า ขณะนี้ยังคงมีฝนตกชุก แทบจะไม่ได้กรีดยางเลย ส่วนฝั่งอ่าวไทยยังมีผลผลิตออกมาบ้างแต่ไม่มากนัก ขณะเดียวในภาคใต้มีปาล์มปลูกทดแทนยางมากขึ้น ประกอบกับพ่อค้าเร่งซื้อส่งมอบมากขึ้น เพราะกลัวยางจะขาดตลาด ส่วนภาคเหนือ-อีสานในขณะนี้หลายพื้นที่เริ่มหนาว ปริมาณน้ำยางจะออกน้อย ประกอบกับความต้องการซื้อของผู้ประกอบการภายในประเทศมีมากขึ้น มองว่าราคายางจะค่อยๆ ปรับขึ้นไปเรื่อยๆ
เช่นเดียวกับนายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายยางและสถาบันเกษตรกรยางพาราแห่งประเทศไทย (สยยท.) กล่าวว่า สต๊อกยางจีนลดน้อยลง เวลานี้พ่อค้าจีนวิ่งซื้อมาซื้อยางจาก สยยท.โดยตรง โดยเป็นสมาชิกรัฐวิสาหกิจจีนจากปักกิ่ง 7 โรงงาน แต่ละโรงความต้องการสูงมาก ในตอนแรกทางฝ่ายจีนจะกำหนดยางรับซื้อล่วงหน้าแบบพ่อค้า 2 เดือน ซึ่งทาง สยยท.เห็นว่ามีความเสี่ยงสูง เพราะถ้าราคายางในอนาคตสูง ก็ส่งยางให้ไม่ได้ จึงได้กำหนดการซื้อขายเป็นแบบล็อตๆ โดยราคาซื้อขายเป็นราคาตลาดโลก ณ วันที่ซื้อขายกัน อีกทั้งจีนยังให้ค่าพรีเมียมพิเศษ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มกัน โดยทั้งสองฝ่ายจะมีการสร้างแบรนด์กลางร่วมกันเพื่อยืนยันว่าสินค้ามาจากสถาบันเกษตรกรจริง หากสถานการณ์ยังคงมีปัจจัยหนุนต่อเนื่องราคายางในปลายปีนี้ไม่น่าต่ำกว่า 70 บาทต่อกิโลกรัม
นายชัยพจน์ เรืองอรุณวัฒนา นายกสมาคมน้ำยางข้นไทย กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำยางสด ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 อยู่ที่ราคา 55-58 บาทต่อกิโลกรัมถือเป็นราคาสูงสุดรอบ 3 เดือน จากยางแท่งเริ่มขาดตลาดเพราะบริษัทผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนเร่งผลิตยางล้อรถยนต์ เพราะประมาณต้นปีหน้าทางสหรัฐอเมริกา คู่ค้ารายใหญ่ของจีนจะมีการปรับเพิ่มภาษีนำเข้า ดังนั้นเพื่อเลี่ยงผลกระทบภาษีจึงทำให้จีนเร่งผลิตล้อรถไปให้มากที่สุด จึงทำให้อุปทานในขณะนี้เริ่มตรึงตัว ขณะที่ภาคใต้เองก็มีฝนตกโดยเฉลี่ย 60-70% ชาวสวนกรีดยางไม่ได้
สอดคล้องกับนายหลักชัย กิตติพล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) (บมจ.) ที่กล่าวว่า สาเหตุที่ราคายางปรับตัวขึ้น มาจากหลายปัจจัย อาทิ การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาครั้งล่าสุด ในมุมมองทางเศรษฐกิจอาจจะเห็นความหวังใหม่มีสัญญาณบวก รวมทั้งระดับราคาน้ำมันเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ดังนั้นในราคายางแผ่นดิบในระดับกิโลกรัมละ 30 บาทที่เคยเห็นในต้นปี 2559 ที่ผ่านมา จะไม่เห็นแล้วถือว่าผ่านจุดต่ำมาแล้ว ดังนั้นในปีหน้ามองว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นราคายางจะปรับตัวสูงขึ้นเกษตรกรน่าจะมีความพึงพอใจ
ด้านสถาบันวิจัยยาง การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้ วิเคราะห์สถานการณ์ยาง วันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 ราคายางแผ่นดิบและยางแผ่นรมควันตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา แตะระดับ 59.55 บาท/กก. และ 62.61 บาท/กก. ปรับตัวลดลงจากวันก่อน 0.44 บาท/กก. และเพิ่มขึ้น 0.02 บาท/กก.ตามลำดับ โดยราคาเป็นตามตลาดล่วงหน้าที่โตเกียวที่ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน โดยมีปัจจัยบวกมาจากเงินเยนที่อ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 6 เดือน และอุปทานยางที่ยังคงออกสู่ตลาดน้อย
อีกทั้งการแข่งขันซื้อของผู้ประกอบการในประเทศที่ขาดแคลนวัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม กระแสสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า และราคาน้ำมันที่ผันผวนยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
source: thansettakij.com/2016/11/21/114774