การปลูกหน่อไม้ฝรั่งสีขาว
หน่อไม้ฝรั่ง เป็นพืชผักที่หลายคนรู้จักดี และเชื่อแน่ว่าหลายคนก็ชอบที่จะรับประทานผักชนิดนี้ เดิมทีเราปลูกหน่อไม้ฝรั่งเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศเกือบครึ่งหนึ่งที่ผลิตได้ ทั้งในรูปของหน่อไม้สดและในอุตสาหกรรมอาหารต่างๆ เพราะต่างประเทศมีความต้องการสูง เช่น ญี่ปุ่น จีนฮ่องกง สิงคโปร์ รวมทั้งประเทศในแถบยุโรปบางประเทศ ที่ไม่สามารถผลิตหน่อไม้ฝรั่งเพื่อบริโภคได้อย่างเพียงพอ และความมีคุณภาพของผลผลิตจากประเทศไทย ทำให้ตลาดต่างประเทศมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง หน่อไม้ฝรั่งที่เราๆ พบเห็นทั่วไปนั้น มีทั้งชนิดหน่อสีขาวซึ่งใช้สำหรับแปรรูป หน่อสีเขียวที่มีการบริโภคกันปกติมีพบเห็นตามท้องตลาดทั่วไป และหน่อสีม่วง ซึ่งยังไม่ค่อยได้รับความนิยม หน่อไม้ฝรั่งมีปลูกกันมากในพื้นที่ สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี นนทบุรี นครราชสีมา โดยมีชนิดหน่อสีเขียว ซึ่งใช้รับประทานสดได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นหน่อชนิดใดก็ตาม การปลูกหน่อไม้ฝรั่งโดยทั่วไปก็จะมีวิธีการคล้ายๆ กัน
การปลูกหน่อไม้ฝรั่ง ที่จะให้ผลผลิตหน่อสีขาว หรือสีเขียวนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป ถ้าต้องการให้ได้หน่อสีขาว ก็ต้องพูนโคนกลบดินให้สูงประมาณ 30 เซนติเมตรเพื่อปิดบังแสงแดดไม่ให้หน่อไม้สังเคราะห์แสงได้ก่อนเก็บผลผลิต ในประเทศเขตอบอุ่น เช่น ในยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น จะเก็บหน่อมาใช้ประโยชน์ได้เฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ ในขณะที่ประเทศไทยนั้นสามารถปลูกและเก็บเกี่ยว หน่อไม้ฝรั่งได้ตลอดทั้งปี
หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชค่อนข้างใหม่สำหรับเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสมในประเทศไทย ที่อยู่ในขั้นกำลังพัฒนา แม้ว่าจะมีการปลูกหน่อไม้ฝรั่งในประเทศไทยจะมีมานานแล้ว แต่วีธีการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง พันธุ์ที่ใช้ปลูก การปฏิบัติดูแล รักษา ตลอดจนเทคนิคต่างๆ ในการเพิ่มผลผลิตและวิธีการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้หน่อที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดเป็นที่ต้องการของตลาดนั้น ยังไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก
สายพันธุ์และลักษณะประจำพันธุ์ของหน่อไม้ฝรั่ง
1. แมรี่วอชิงตัน (Marywashington) มีลักษณะต้นแข็งแรง ต้านทานโรคดี หน่อมีความสม่ำเสมอ ยอดตรงแน่น เป็นพันธุ์แรกที่ถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศไทย พันธุ์นี้ให้ผลดีพอสมควรเหมาะที่จะปลูกทั้งแบบหน่อขาวและหน่อเขียว แต่ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากให้ผลผลิตต่ำกว่าพันธุ์อื่น สายพันธุ์เป็นพันธุ์ผสมเปิด
2. พันธุ์บร๊อคอิมพรู๊ฟ (Brock’s improved) พันธุ์นี้ให้ผลผลิตสูง เติบโตเร็ว หน่อใหญ่สม่ำเสมอ แข็งแรง เป็นลูกผสมชั่วที่ 1 ให้ผลผลิตสูงมาก ทำให้เมล็ดพันธุ์มีราคาแพงมาก เกษตรกรทั่วไปนิยมใช้พันธุ์นี้ปลูก เป็นพันธุ์ที่ใช้ปลูกทั้งแบบหน่อขาวและหน่อเขียว
3. ยูนิเวอร์ซิตี้ออฟแคลิฟอเนียเบอร์ 309 (California 309) จะมีลักษณะแข็งแรงดี ต้นเขียวอ่อน มีขนาดใหญ่ มีแนวโน้มในการให้ผลผลิตที่ดีกว่าและขนาดของหน่อใหญ่ สามารถปลูกได้ทั้งแบบหน่อขาวและหน่อเขียว เป็นพันธุ์ผสมเปิด
4. ยูนิเวอร์ซิตี้ออฟแคลิฟอเนียเบอร์ 500 (Califormia 500) ถือเป็นสาวพันธุ์ที่มีอายุเก็บเกี่ยวเร็วสุด ขนาดหน่อไม่ใหญ่ ปลายหน่อมีสีม่วงอ่อน สามารถปลูกได้ทั้งแบบหน่อขาวและหน่อเขียว เป็นพันธุ์ผสมเปิด
5. ไฮบริดอิมพีเรียล (Hybrid Imperial) ให้ผลผลิตค่อนข้างสูงกว่าพันธุ์อื่น พันธุ์นี้สามารถปลูกได้ทั้งแบบหน่อขาวและหน่อเขียว เป็นพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 2
ดินที่เหมาะสมต่อการปลูกหน่อไม้ฝรั่งขาว นั้นเป็นดินที่มีเนื้อดินร่วนจนถึงดินเหนียวร่วน แต่ก็สามารถปลูกได้ในดินเกือบทุกชนิด การจัดการดินต้องทำหน้าดินลึกและมีการระบายน้ำได้ดี มีความอุดมสมบูรณ์ระดับปานกลางขึ้นไป ส่วนดินที่มีการระบายน้ำและอากาศไม่ดี มีน้ำขัง มีชั้นดินดานข้างใต้ เป็นกรดและด่างจัดจะปลูกได้ไม่ดีนักทำให้พืชเจริญเติบโตช้าและให้ผลผลิตต่ำ
การเพาะกล้าหน่อไม้ฝรั่ง และการปลูก หากใช้เมล็ดพันธุ์ ควรจะมีอัตราความงอกสูง ตรงตามพันธุ์ที่กำหนดไว้ เมล็ดพันธุ์ที่บรรจุกระป๋องจำหน่ายในปัจจุบันหนัก 1 ปอนด์ (453.6 กรัม) จะมีเมล็ดประมาณ 13,000-23,000 เมล็ดแล้วแต่สายพันธุ์ ซึ่งสามารถเพาะเมล็ดแล้วให้ต้นกล้าสำหรับย้ายปลูกได้ 2-4 ไร่ โดยจะใช้พื้นที่เพาะกล้าประมาณ 500-600 ตารางเมตร
ควรเตรียมแปลงเพาะกล้าสำหรับปลูกโดยเป็นที่โล่งแจ้ง ไม่มีร่มเงาของต้นไม้ และอาคารหรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ ควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำ ทำการขุดหน้าดินและหมักดินโดยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่หมักสมบูรณ์แล้วทิ้งระยะไว้ประมาณ 20-25 วัน กำจัดหญ้าวัชพืชต่างๆ ให้หมด เมื่อได้แล้วก็เริ่มทำการขุดโดยให้ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 50×150-200 เซนติเมตรต่อ 1 หลุม โดยการขุดดินลึกประมาณ 30-35 เซนติเมตร รองพื้นด้วยปุ๋ยและหน้าดิน ให้หลุมปลูกมีความลึกเหลือประมาณ 10-15 เซนติเมตร กว้างยาวประมาณ 15 เซนติเมตร และให้ทำเนินกลางหลุมก่อนวางกล้าปลูก จะปลูกด้วยการหยอดเมล็ด หรือกล้าที่มีอายุ 4-6 เดือนก็ได้
เทคนิคการปลูกหน่อไม้ฝรั่งให้ได้สีขาว คือการขุดหลุมลึกและกลบดินให้สูงกว่าปกติทั่วไป ทำให้หน่อไม้อยู่ใต้ดินสัมพันธุ์ ซึ่งความสูงจากระดับดินปกติจะสูงประมาณ 25-30 เซนติเมตร (ไม่นับรวมความลึก) โดยการพูนดินโคนจะทำ 2-3 ครั้งพร้อมกับการกำจัดวัชพืชและการใส่ปุ๋ย
อายุเก็บเกี่ยวตามแต่ละสายพันธุ์ โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 8-10 เดือนหลังจากเพาะเมล็ด หรือปลูกด้วยกล้า การเก็บเกี่ยวควรทำช่วงเช้าไม่เกิน 10.00 น. เมื่อเห็นยอดหน่อโผล่พ้นดินประมาณ 0.5 เซนติเมตรให้ขุดดินเก็บหน่อได้และทำการกลบดินไว้ดังเดิม และควรเก็บหน่อไว้ที่ไม่มีแสงแดด
เท่านี้เราก็จะได้หน่อไม้ฝรั่งขาว ไว้รับประทานในเมนูเด็ดๆ กันแล้ว ส่วนหน่อไม้ฝรั่งเขียว นั้นก็อาจเก็บผลผลิตตามปกติในต้นที่ไม่ได้ทำการพูนดิน ก็จะมีสีเขียวเหมือนหน่อไม้ฝรั่งทั่วไป
ข้อมูลจาก kasetorganic.com