data-ad-format="autorelaxed">
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-28พ.ย. 2559 มีการขออนุญาตส่งออกข้าวรวมทั้งสิ้น 9.18 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 8.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 มูลค่าส่งออก 4,159 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว1.45 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 3.55% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ทำให้มั่นใจว่าการส่งออกข้าวไทยทั้งปี 2559 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่กรมตั้งเป้าไว้ส่งออก 9.5 ล้านตัน
ทั้งนี้ นอกจากปริมาณข้าวส่งออกที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ด้านราคาส่งออกข้าวไทยปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ทั้งข้าวขาว ข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว โดยข้าวทั้ง 3 ชนิดคิดเป็นสัดส่วน 77% ของการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด โดยประเทศผู้นำเข้าสำคัญ 10 อันดับแรกอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาและเอเชีย ได้แก่ เบนิน ไอวอรีโคสต์ ญี่ปุ่น จีน แองโกลา แคเมอรูน อินโดนีเซีย มาเลเซีย คองโก และโมซัมบิก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. ปริมาณผลผลิตข้าวของไทยออกสู่ตลาดมากที่สุด โดยรัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อรองรับและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ที่ออกสู่ตลาด ซึ่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี ขณะที่กรมการค้าต่างประเทศได้เร่งจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นและผลักดันการส่งออกข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีตลาดรองรับผลผลิตข้าวที่ออกสู่ตลาดพร้อมกันในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้สถานการณ์การส่งออกข้าวไทยขณะนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง
“ข้าวไทยสามารถแข่งขันด้านราคากับข้าวจากประเทศคู่แข่ง เพราะราคาไม่ได้ห่างกันมากแล้วในปัจจุบัน และมีความได้เปรียบด้านคุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งในกลุ่มผู้บริโภคและผู้นำเข้าในต่างประเทศ ซึ่งปริมาณการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี จะเป็นการสำรองข้าวไว้จำหน่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีนที่กำลังใกล้เข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์” นางดวงพร กล่าว
นางดวงพร กล่าวว่า ส่วนปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ ในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันที่ผ่านมา ทำให้เกิดมิติใหม่ในวงการค้าข้าวของไทย โดยเกษตรกรไทยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนให้นำข้าวที่ผลิตออกมาจำหน่ายโดยตรง ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภค ทำให้เกิดสมาร์ทฟาร์มเมอร์ สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดแผนจัดตลาดนัดข้าวเปลือกจนถึงสิ้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวใน 52 จังหวัด จำนวน 127 ครั้ง เพื่อช่วยเกษตรกรให้สามารถขายข้าวแก่ผู้ประกอบการและโรงสีได้โดยตรง ทำให้สามารถขายได้ราคาสูงกว่าปกติ 100-500 บาท/กก. รวมทั้งจัดทำแผนสำหรับข้าวสารอีกด้วย ตามคำขอของเกษตรกรที่ต้องการขายข้าวสารไปยังจังหวัดที่มีความต้องการ โดยเฉพาะจังหวัดในภาคใต้ ซึ่งได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศจัดการเชื่อมโยงตลาดสำหรับข้าวสารใน 31 จังหวัด ขณะนี้สามารถขายข้าวได้ทันที 2.37 ล้าน กก.
source: posttoday.com/biz/gov/468063