ยึดทรัพย์ เสี่ยเปี๋ยง

เครือสยามอินดิก้า-สิราลัย ปลอมสัญญาสมัย บุญทรง พท.จี้ตรวจโกงคดีค้างคาใจ

เพื่อไทยยืนยันไม่มีซิกแซ็กสลับญัตติร่างแก้ไข รธน. ชวลิต ชี้แค่วาทกรรม ย้ำทำถูกต้อง วิโรจน์ ไล่กลับไปตรวจสอบคดีโกงที่ยังคาใจ ทั้งจีที 200-เรือเหาะฉาว-ลอกคลอง อผศ. ยิ่งลักษณ์ ขึ้นศาลฯ สืบพยานจำเลยคดีจำนำข้าว ท้วงพิจารณายึดทรัพย์ควรเป็นอำนาจศาลแพ่ง ปปง.ลงดาบสอง มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์ เสี่ยเปี๋ยง-เครือข่ายสยามอินดิก้า-สิราลัย 7 พันล้านบาท ฐานปลอมสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจี วิษณุ ปัดส่งคำชี้แจงให้ศาล รธน. อ้าง ครม.-คสช.ไม่เกี่ยวคำถามพ่วง โผทหารคลอดแล้ว บิ๊กเจี๊ยบ ผงาด ผบ.ทบ.ตามคาด บิ๊กช้าง นั่งปลัด กห. บิ๊กปุยคุมทัพไทย บิ๊กจอม ขึ้นแม่ทัพฟ้า บิ๊กหมู ดันน้องชายนั่ง มทภ.4-ผบ.พล.ร.9 อภิรัชต์ มทภ.1

เป็นที่จับตามองหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดอดีตประธานรัฐสภา และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย กรณีเสนอญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ว่าอาจเป็นการเริ่มเดินหน้ากวาดล้างเครือข่ายการเมืองขั้วอำนาจเก่า

พท.ยันไม่มีซิกแซกสลับร่างฯ

เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่พรรคเพื่อไทย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดนายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กรณียื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. ส่งเรื่องให้ สนช.พิจารณาถอดถอน ว่า ไม่มีการสลับหรือปลอมแปลงร่างญัตติแต่ประการใด เป็นเพียงวาทกรรมเพื่อให้สังคมคล้อยตาม ข้อเท็จจริงเป็นการปรับปรุงร่างญัตติให้เหมาะสมก่อนที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ ผู้ร่วมลงนามในญัตติก็รับทราบ เป็นแนวทางปฏิบัติปกติในสภาฯ จัดส่งให้สมาชิกรัฐสภาทุกคนทางไปรษณีย์ และวางอยู่บนโต๊ะในห้องประชุม ล้วนมีสาระตรงกัน ไม่มีส่วนใดที่เป็นการปลอมแปลงหรือสลับร่าง ส่วนญัตติที่ ป.ป.ช.นำมาดำเนินการกับนายอุดมเดช ยังเป็นที่สงสัยเพราะเป็นญัตติที่ประธานสภาฯไม่ได้รับบรรจุเป็นระเบียบวาระ นายอุดมเดชจึงควรได้รับโอกาสแสดงพยานหลักฐาน โดยพยานสำคัญที่เสนอไปไม่ได้ถูกเรียกไปให้ถ้อยคำ เช่น พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายสามารถ แก้วมีชัย อดีตรองประธานสภาฯ

โต้กลับไล่ไปสอบคดีโกงที่ยังคาใจ

พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กำหนดการจัดกิจกรรมโครงการเปิดไฟ-ไล่โกงวันที่ 11 ก.ย. เห็นด้วยในความตั้งใจของภาคประชาชนที่รณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชัน และแสดงความยินดีที่จัดตั้งศาลคดีทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการขึ้นมาเป็นการเฉพาะ แต่ขอเรียกร้ององค์กรภาคเอกชน ป.ป.ช. ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เร่งรัดตรวจสอบคดีทุจริตสำคัญที่ยังค้างอยู่ มาพิจารณาเอาจริงเอาจัง เช่น คดีจัดซื้อสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชกว่า 10 จังหวัดในภาคอีสานงบ ประมาณ 6,000 ล้านบาท การจัดซื้อ GT200 เรือเหาะตรวจการณ์ การจัดจ้างอุทยานราชภักดิ์ที่ประชาชนยังค้างคาใจ การจัดจ้างลอกคลองของอผศ. ที่ส่อไปในทางทุจริตหักหัวคิว การขุดบ่อบาดาล และการปรับปรุงแหล่งน้ำเพื่อแก้ภัยแล้ง ที่ส่อว่ามีการทุจริตจนต้องระงับโครงการ ขอให้พิจารณาอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเห็นกับใคร เพื่อให้การปราบปรามทุจริตเห็นผลจริงจัง

ยึดทรัพย์จำนำข้าวควรให้ศาลแพ่ง

เมื่อเวลา 08.45 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมทนายขึ้นสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 3 ในคดีจำนำข้าว โดยมีบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส. อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรค นายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ และมวลชนมาคอยให้กำลังใจมอบดอกไม้ และตะโกนให้กำลังใจ “นายกฯปู สู้ๆ” โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นสืบพยาน ถึงกรณีที่รัฐบาลยืนยันจะไม่ใช้อำนาจมาตรา 44 ยึดทรัพย์คดีจำนำข้าว แต่จะใช้คำสั่งทางปกครองดำเนินการตามกฎหมาย ว่า ไม่แน่ใจว่าการใช้มาตรา 44 จะเป็นการล่วงอำนาจศาลหรือไม่ แต่ส่วนตัวไม่เห็นด้วยแต่ต้น และวันนี้ยังอยู่ในกระบวนการของศาล การเรียกค่าเสียหายคงต้องดำเนินการหลังทราบผลคดีอาญาแล้ว ไม่ว่าจะใช้วิธีใดทั้งมาตรา 44 หรือคำสั่งทางปกครอง ก็ถือว่าเป็นการใช้อำนาจในฐานะเป็นคู่ขัดแย้ง จึงควรให้ศาลแพ่งเป็นผู้พิจารณาจะเหมาะสมกว่า และขณะนี้คดีเดินมาถึงครึ่งทางเราทำอย่างเต็มที่และกำลังใจมีอยู่เต็มร้อย

คิดค่าเสียหายต้องยึดข้อเท็จจริง

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวอีกว่า การส่งทนายความไปร้องขอความเป็นธรรม กรณีผลสรุปค่าเสียหายของคณะกรรมการตรวจสอบการรับผิดทางละเมิดรั่วไหล ว่า เมื่อยังอยู่ในขั้นตอนการสอบ และประธานคณะกรรมการฯก็บอกว่าเป็นความลับ ไม่เข้าใจว่านพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ นำข้อมูลตรงนี้มาได้อย่างไร คิดว่าถ้ามีความเป็นกลางจริง ข้อมูลต่างๆไม่ควรรั่วไหล ขอความกรุณาอย่าชี้นำการตัดสินใจของคณะกรรมการฯ การพิจารณาไม่ควรอยู่บนความกดดัน แต่ควรพิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริง

เริ่มไต่สวนพยานจำเลยนัดที่สาม

ต่อมาองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา 9 คน เริ่มไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 3 คดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นจำเลยในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท โดยทนายความจำเลยเบิกตัวนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ นักวิชาการอิสระ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจการเกษตร และนายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหารบริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด เข้าเบิกความ โดยศาลนัดไต่สวนพยานจำเลยปากต่อไปวันที่ 7 ต.ค.

ยึดทรัพย์เสี่ยเปี๋ยง เครือข่าย 7 พัน ล.

สำหรับกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 21 คน กระทำความผิดเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอรายอื่น แล้วนำข้าวที่ซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาขายในประเทศ หรือต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ ไปขายต่อให้ผู้ประกอบการนำไปขายต่อ ก่อให้เกิดความเสียหายกว่า 20,000 ล้านบาท ล่าสุด พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบธุรกรรมการทางการเงิน พบว่ากลุ่มสยามอินดิก้า บริษัท สิราลัย และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง มีพฤติการณ์ทุจริต ปลอมสัญญาให้ดูเหมือนมีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รวมถึงการตรวจพบการได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้กระทำความผิด ดังนั้น เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. ได้มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของกลุ่มสยามอินดิก้า บริษัท สิราลัย และบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับนายอภิชาติ เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคาร 51 บัญชี มูลค่า 921 ล้านบาท ที่ดินในกรุงเทพฯ จังหวัดลำพูน ภูเก็ต พังงา พระนครศรีอยุธยา และอ่างทอง จำนวน 611 รายการ มูลค่า 5,970 ล้านบาท รวม 662 รายการ มูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท

สนช.จ่อลงมติถอดถอน บิ๊กโอ๋

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.เป็นประธานการประชุม เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ออกจากตำแหน่ง การประุมวันนี้เป็นกระบวนการซักถามต่อคู่กรณี คือผู้กล่าวหา คือคณะกรรมกรรมการ ป.ป.ช. มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นตัวแทน และผู้ถูกกล่าวหา คือ พล.อ.อ.สุกำพล โดยการซักถามมุ่งไปที่ประเด็นการใช้อำนาจแทรกแซงของ พล.อ.อ.สุกำพล น.ส.สุภากล่าวว่า

พล.อ.อ.สุกำพลเป็นผู้มีอำนาจควรนั่งอยู่เฉยๆรอรับโพย แต่กลับเสนอชื่อ ถือว่าขัดกับกฎหมาย และระเบียบกระทรวงกลาโหม สอดคล้องกับคำพูดที่บอกว่า “ล้วงลูกไม่ได้ก็ไม่ต้องเป็นรัฐมนตรีแล้ว” ถือว่าเป็นความตั้งใจแทรกแซงก้าวก่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 266 ขณะที่ พล.อ.อ.สุกำพลชี้แจงว่า ทุกอย่างทำตามขั้นตอนถูกต้องไม่ได้แทรกแซง จากนั้นที่ประชุมนัดแถลงปิดคดีด้วยวาจาในวันที่ 15 ก.ย. และนัดลงมติวันที่ 16 ก.ย.

วิษณุ ปัด ครม.ไม่เกี่ยวคำถามพ่วง

วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ส่งความเห็นต่อการพิจารณาเนื้อหาการปรับร่างรัฐธรรมนูญ ให้สอดคล้องกับคำถามพ่วงว่า ศาลรัฐธรรมนูญส่งหนังสือไปให้ทั้ง สนช. สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และรัฐบาล ในส่วนของรัฐบาลได้แจ้งให้ นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว และมีคำสั่งให้ตอบไปเพียงสั้นๆว่าเรื่องนี้รัฐบาลไม่เกี่ยว เพราะไม่ใช่ผู้มีส่วนกับการตั้งคำถามพ่วง คงตอบได้เพียงเท่านี้ คาดว่าจะดำเนินการภายในวันนี้ ไม่รู้จะตอบอย่างไรเพราะเราไม่เกี่ยว คนที่จะตอบได้ดีที่สุดคือ สปท.และสนช. การที่ศาลรัฐธรรมนูญขอความเห็นมายังรัฐบาล เขาคงนึกว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยืนยันว่า ครม. และ คสช.ไม่มีส่วน

แจงเลขาฯยูเอ็นไม่ห่วงโรดแม็ป

นายวิษณุยังกล่าวถึงกระแสข่าวนายบัน คีมูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แสดงความเป็นห่วงเรื่องโรดแม็ปของไทยว่า รับทราบอย่างเป็นทางการว่าเขาไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนี้ แต่แสดงความยินดีที่การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญของไทยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมกับให้ทุกอย่างเดินไปตามโรดแม็ป นายกฯยืนยันเรื่องนี้ไปแล้วว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2560 แต่การจะกำหนดวันเลือกตั้งที่แน่นอนได้ ต้องรอให้กฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับออกมาครบก่อน ถึงจะกำหนดได้

กรธ.รับ ก.ม.ลูกไม่ง่ายฟังทุกฝ่าย

ที่รัฐสภา นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า ตามที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าชี้แจงสาระของร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีประเด็นที่เห็นร่วมกัน คือ การตั้งพรรคการเมืองต้องไม่ยากและไม่ง่ายเกินไป ต้องถือเป็นเสรีภาพประชาชน เมื่อตั้งพรรคการเมืองแล้วต้องให้ประชาชนในฐานะสมาชิกพรรค เข้ามามีส่วนร่วม ทั้งการกำหนดนโยบายและการส่งตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ไม่ปล่อยให้เป็นเรื่องเฉพาะของกลุ่มผู้มีอำนาจทางการเงินเท่านั้น ประเด็นที่ให้ประชาชนหรือสมาชิกพรรคมีส่วนร่วมกับกิจกรรมพรรคการเมือง ต้องอภิปรายกันในวงกว้าง ที่ผ่านมาเคยมีคนเสนอให้ใช้ระบบไพรมารีโหวต เพื่อเลือกผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แนวทางคล้ายประเทศตะวันตก แต่ต้องพิจารณาว่าในทางปฏิบัติของบ้านเราจะเป็น ไปได้หรือไม่ เพราะวัฒนธรรมการเมืองบ้านเราเป็นเรื่องของการต่างตอบแทน มากกว่าการให้การยอมรับนับถือในตัวบุคคลที่ทุ่มเทการทำงาน หรือมีบทบาทในกิจการของบ้านเมือง ดังนั้นแนวทางการปฏิรูปพรรคการเมืองที่ต้องเขียนไว้ในกฎหมายลูกจึงเป็นสิ่งที่ไม่ง่าย ในชั้นการรับฟังความเห็นของฝ่ายต่างๆจึงมีความสำคัญมาก

สนช.ปัดวุ่นไม่คิดได้คืบเอาศอก

นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะและรวบรวมความเห็นเพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ สนช. กล่าวว่า กมธ.กำลังหารือเรียบเรียงหลักการและเหตุผลของคำถามพ่วง เพื่อส่งหนังสือชี้แจงกลับไปยังศาลรัฐธรรมนูญภายใน 12 ก.ย. ยืนยันว่า สนช.ไม่ได้ขออะไรในทางที่ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา เราเสนอเป็นอื่นไม่ได้ แต่ขออย่างเดียวอย่าไปลดเจตนารมณ์ของประชาชนให้เหลือคืบเดียวจากที่ผ่านประชามติมาให้ เจตนารมณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเจตนารมณ์ของคำถามพ่วงที่ส่งไปยัง กกต.หรือเมื่อครั้ง สนช.ส่งตัวแทนไปชี้แจงกับ กรธ. ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินอย่างไรเราเคารพ พร้อมปฏิบัติตาม เราไม่ได้ดีใจหรือเสียใจ ยืนยันเจตนารมณ์ของคำพ่วง สนช.ไม่อยากให้ 5 ปีแรกของการปฏิรูปสะดุด ไม่เคยสนใจว่าใครจะมาเป็นนายกฯ แต่หลักการ คือต้องให้รัฐสภาเป็นผู้ให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ที่จะมาเป็นนายกฯ

ยัน ส.ว.ไม่มีสิทธิชงชื่อนายกฯ

ด้าน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สปท. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมข้อมูลรายงานข้อเสนอที่ส่งให้ สนช.และการอภิปรายของ สปท.ต่อประเด็นคำถามพ่วง ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อเสนอและการอภิปรายของ สปท.ที่ผ่านมาเท่านั้น จะเขียนขึ้นมาใหม่ไม่ได้ ในข้อเสนอที่ส่งไปให้ สนช. ไม่มีประเด็นที่ให้ ส.ว.เสนอชื่อนายกฯได้ มีเพียงแค่ให้ร่วมโหวตนายกฯเท่านั้น แต่ยังไม่ทราบว่า สปท.แต่ละคนมีใครอภิปรายกรณีใดบ้าง ให้เจ้าหน้าที่รวบรวมอยู่

เสรี โต้ชงยาแรงเตะตัดขา พท.

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. กล่าวว่า กรณีที่นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย วิจารณ์ข้อเสนอร่างกฎหมายพรรคการเมืองของ สปท. เกี่ยวกับการคุมเข้มกลุ่มทุนการเมือง ต้องการมุ่งเป้ามาที่พรรคเพื่อไทยนั้น กมธ.ด้านการเมืองไม่ต้องการพุ่งเป้าลงโทษใคร แต่ที่ผ่านมาพรรคการเมืองปล่อยให้มีทุนมาอุดหนุนมากเกินไป จนเกิดการถอนทุน ประชาชนออกมาชุมนุมเพราะนักการเมืองโกง เราจึงคิดว่าเพื่อป้องกันต้องควบคุมนายทุน กำหนดโทษรุนแรง ให้เกิดความเกรงกลัว ส่วนกรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. สนใจแนวคิดการรีเซ็ต ระบบบัญชีรายชื่อสมาชิกพรรคการเมืองนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กรธ. ยืนยันว่าข้อเสนอให้หาสมาชิกพรรคใหม่ แล้วสมาชิกสามารถบริจาคให้พรรคได้ไม่เกินรายละ 200 บาทต่อปี จะช่วยทำให้ประชาชนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของพรรค ต่างจากกฎหมายพรรคการเมืองเดิม ที่การหาสมาชิกพรรคเป็นแค่การเล่นละคร เล่นการเมืองกันเฉพาะกลุ่ม แล้วไปพึ่งทุน

วอนทำอะไรให้ยึดความพอดี

ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมือง และ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ว่า ขณะนี้ยังเป็นเพียงความเห็น ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่อยากให้อยู่บนความพอดี และอยู่บนความสบายใจของประชาชน เมื่อประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญแล้ว การพิจารณากฎหมายลูกก็ต้องพิจารณาตามเนื้อหาและเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญ

วิษณุ จ่อชงกฎหมายงบฯ 3 ฉบับ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี สนช.มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 และระบุว่าเป็นงบประมาณรูปแบบใหม่ ว่า ยังไม่ใช่งบประมาณรูปแบบใหม่เพราะยังไม่ได้แก้ไขกฎหมายวิธีการงบประมาณ แต่วิธีการใช้จ่ายงบฯถือเป็นแบบใหม่ เพราะ พ.ร.บ.งบประมาณผ่านสภาเมื่อวันที่ 8 ก.ย. จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งเดือน พ.ย.นี้ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ มีเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณเยอะและตนได้สัญญากับสภาฯว่าจะมี พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณฉบับใหม่ และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังแบบใหม่ ที่ห้ามทำประชานิยม เข้าสภาอีก ดังนั้นงบประมาณที่ผ่านการเห็นชอบนั้น ต้องใช้ภายใต้กฎหมายใหม่เหล่านี้ด้วย เพื่อเป็นแบบ อย่างให้กับรัฐบาลต่อไป

ห่วงรถสายสีม่วงอาการหนัก

อีกเรื่อง นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชี รายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก รถไฟฟ้าสีม่วงอาการหนัก ผู้โดยสารเมิน-ขาดทุนเพิ่ม ว่า จากการที่ รฟม.ปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงลง แต่มีผู้โดยสารเพิ่มเพียง 8 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ รฟม.ขาดทุนเพิ่มขึ้น ถึงเวลานี้ รฟม.จำเป็นต้องทำทุกทางเพื่อลดยอดขาดทุนลงให้ได้ ซึ่งมั่นใจว่า รฟม.จะสามารถทำได้และเห็นใจ รฟม. เพราะไม่ได้เป็นผู้กำหนดเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงขึ้นมาเอง ทั้งนี้เดิมมีการศึกษาความเป็นไปได้พบว่าจะมีผู้โดยสารวันละประมาณ 220,000 คน ในปี พ.ศ.2559 และจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ และก่อนเปิดให้บริการ รฟม.ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยนเรศวรทำการศึกษาทบทวนอีกครั้งภายใต้โครงการ เมื่อความเป็นจริงปรากฏว่ามีผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ผู้บริหารของ สนข. และมหาวิทยาลัยนเรศวรจะนิ่งเฉยได้อย่างไร ออกมาชี้แจงด้วย

ชง ป.ป.ช.ตั้งอนุฯปราบโกงทรัพยากร

พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ ประธานคณะกรรมการบูรณาการเร่งรัด การปฏิรูปทรัพยากรป่าไม้ของชาติ สปท. แถลงว่า คณะกรรมการฯวิเคราะห์ประเด็นปฏิรูป สรุปได้ 6 ประเด็น 22 มาตรการ ครอบคลุมเป้าหมายการหยุดยั้งบุกทำลายทรัพยากร ป่าไม้ของชาติ และการฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ 40 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ วิป สปท. มีมติเห็นชอบรายงานของคณะกรรมการฯ เรื่องการบูรณาการเร่งรัดการปฏิรูปทรัพยากรป่าไม้ของชาติ เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม สปท. วันที่ 13 ก.ย. มีประเด็นปฏิรูปเร่งด่วน 6 ประเด็น อาทิ การเสนอ ป.ป.ช.จัดตั้งคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตเกี่ยวกับทรัพยากรของชาติ

ศาล ปค.สูงสุดไม่รับคำฟ้อง อภิรักษ์

วันเดียวกัน ที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ยื่นฟ้อง กทม. ผู้ว่าราชการ กทม. เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 กรณี กทม.มีคำสั่งเรียกให้นายอภิรักษ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมกรณีทำละเมิด จากการดำเนินโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยจำนวน 1,434,463,937.07 บาท รวมถึงค่าสินไหมทดแทนในส่วนค่าเสียหายอื่นที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยศาลให้เหตุผลว่าคดีนี้เป็นการเสนอข้อหาใหม่ต่อศาล ไม่ถือเป็นการยื่นฟ้องเรื่องเดียวกันในคดีเดิม แต่เมื่อนายอภิรักษ์ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของ กทม.ต่อผู้ว่าฯ กทม. ไม่ปรากฏว่าผู้ว่าฯ กทม. และ รมว.มหาดไทยขอขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณ์ นายอภิรักษ์จะสามารถยื่นฟ้องได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.-3 ต.ค.2557 แต่ได้มายื่นฟ้องในวันที่ 31 ต.ค.57 ถือว่าเป็นการยื่นฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงไม่อาจรับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณาได้

ตีปี๊บผลงานรัฐบาลวางฐานปฏิรูป

ต่อมาเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ว่า รัฐบาลจะจัดให้มีการแถลงผลการดำเนินงานครบรอบ 2 ปี ถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุและโทรทัศน์ ในเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งตนและรองนายกฯทั้ง 6 คน จะสรุปนโยบายและแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาล ตั้งแต่เริ่มเข้ามาบริหารประเทศจนถึงปัจจุบัน ในแต่ละปัญหาที่สำคัญ ที่ได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน เริ่มต้นกำลังทำแล้วก็ต้องทำต่อไป แตกต่างจากในอดีต มีความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างไร และผลของความคืบหน้า เพื่อวางรากฐานการปฏิรูปประเทศไปด้วย เดินหน้าประเทศสู่อนาคตให้ลูกหลานอย่างไร หากพี่น้องประชาชนเห็นด้วยว่าเราต้องร่วมมือกัน ถ้าช่วยกันก็เป็นกำลังใจให้กันและกัน ทำให้เป็นประโยชน์ เราต้องการสื่อสารกับพี่น้องประชาชนโดยตรง ให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน อย่าไปฟังความบิดเบือน

ขอเลื่อนอ้าง รมต.ไปต่างประเทศ

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เดิมรัฐบาลจะจัดแถลงผลงาน 2 ปี วันที่ 12 ก.ย.นี้ แต่เนื่องจากมีรองนายกรัฐมนตรีบางท่านติดภารกิจ เช่น พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เดินทางไปราชการต่างประเทศร่วมกับ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อยู่ระหว่างเดินทางกลับจากต่างประเทศ เป็นต้น นายกฯต้องการให้รองนายกฯทุกคนชี้แจงผลงานด้วยตนเอง จึงจำเป็นต้องเลื่อนวันจัดแถลงผลงานไปเป็นวันที่ 15 ก.ย. เวลา 09.00-12.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้การชี้แจงข้อมูลของรัฐบาลมีความครบถ้วนสมบูรณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานสาเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้ต้องเลื่อนการแถลงผลงานรัฐบาล เนื่องจากเอกสารสรุปผลงานที่มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งจะนำไปแจกสื่อมวลชนยังไม่แล้วเสร็จ

บิ๊กตู่ เปิดทำเนียบรับนายกฯมาเลย์

วันเดียวกันเวลา 16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จัดพิธีต้อนรับนายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีระหว่างนายกฯไทยกับนายกฯมาเลเซียครั้งที่ 6 ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้นำนายนาจิบตรวจแถว ทหารกองเกียรติยศ ก่อนหารือข้อราชการเต็มคณะ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์และนายนาจิบเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) สงขลา และนิคมอุตสาหกรรมยางพาราโกตา ปุตรา ระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับบริษัทเทรดวินส์ แพลนเทชัน เบอร์หาด</p>

เล็งเป้าการค้า 3 หมื่นล้านดอลลาร์

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์แถลงว่า เราต่างเห็นชอบร่วมกันในด้านเศรษฐกิจ มาเลเซียเป็นตลาดส่งออกข้าวอันดับ 2 ของไทย ดังนั้น ต้องทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายในการค้ามูลค่า 31,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯภายในปี 2561 จัดตั้งสภาธุรกิจ และสภาหอการค้าไทย-มาเลเซีย ส่งเสริมให้มีการค้าชายแดนเขตเศรษฐกิจพิเศษ การสร้างสะพาน และเชื่อมโยงทางรถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์และปาดังเบซาร์-อิโปร์ การขยายตลาดในด่านสะเดา จ.สงขลา และก่อสร้างสะพานแม่น้ำโกลกทั้ง 2 แห่งในปี 2560 เพื่อแก้ไขปัญหาการขนส่งข้ามแดน นอกจากนี้ได้หารือถึงการศึกษาการสร้างรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯไปกัวลาลัมเปอร์ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังสิงคโปร์ ส่วนเรื่องยางพาราขอให้มาเลเซียช่วยเหลือใช้ยางอย่างครบวงจรทั้งการผลิตและแปรรูป รวมทั้งการตลาด ขอขอบคุณนายกฯนาจิบที่มาหารือร่วมกันเพื่อนำแนวทางประชุมวันนี้ไปสร้างสรรค์สู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วเพื่อประโยชน์ของประชาชน 2 ประเทศและเป็นไปอย่างไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน

นาจิบ ย้ำพี่น้องดื่มน้ำบ่อเดียวกัน

นายนาจิบกล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียให้ความสำคัญในความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่าง 2 ประเทศและอาเซียน อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของมาเลเซีย ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและมาเลเซียเอาไว้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก็เหมือนเป็นพี่น้องที่ดื่มน้ำจากบ่อน้ำเดียวกัน สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์ทั้ง 2 ประเทศมีความเชื่อมโยงกัน

กระทั่งเวลา 18.30 น. นายกฯเป็นเจ้าภาพในงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกฯมาเลเซีย ที่ตึกสันติไมตรี

โปรดเกล้าฯโผทหาร 798 อัตรา

ช่วงค่ำวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เรื่องให้นายทหารรับราชการ รวมทั้งสิ้น 798 อัตรา โดยมีตำแหน่งที่น่าสนใจดังนี้ พล.อ.ชาญชัย ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ขณะที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เสธ.ทหาร เป็น ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ กฤษณคุปต์ พล.อ.สุภกิจ นุตสถิตย์ พล.อ.กฤษฎา อารีรัชชกุล พล.ร.อ.ไกรวุฒิ วัฒนธรรม เป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด พร้อมดัน พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ รอง เสธ.ทหาร ขยับขึ้นเป็น เสธ.ทหาร

ตามคาด บิ๊กเจี๊ยบ คุมจ่าฝูง ทบ.

ขณะที่กองทัพบก เป็นไปตามคาด เมื่อ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผช.ผบ.ทบ. ได้ขยับขึ้นเป็น ผบ.ทบ. โดยมีแรงหนุนจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะนายทหารรบพิเศษ ขณะที่ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสธ.ทบ. คู่แคนดิเดตคนสำคัญและเป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้เป็นรอง ผบ.ทบ. ขณะที่ พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพภาคที่ 1 จากสายบูรพาพยัคฆ์ ขยับเข้าไลน์ 5 เสือ ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. พร้อมดัน พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้น ผช.ผบ.ทบ.อีกคน และ พล.ท.สสิน ทองภักดี ขยับขึ้นเป็น เสธ.ทบ.

บิ๊กแดง ขึ้นนำแผงคุมกำลังหลัก

สำหรับตำแหน่งคุมกำลังรบที่มีความสำคัญกรณีมีการใช้กำลังยึดอำนาจ เป็นไปตามคาดเช่นกัน เมื่อ พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ขยับข้ามไลน์แม่ทัพน้อยที่ 1 มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช น้องชาย พล.อ.ธีรชัย นาควิานิช ผบ.ทบ. ได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 และดัน พล.ต.วิจักขฐ์ สิริ บรรสพ รองแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.ศิริชัย เทศนา ขยับขึ้นเป็น ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) พล.ต.สุรใจ จิตต์แจ้ง ขึ้นเป็น ผบ.นปอ. พ.อ.เจริญชัย หินเธาว์ เป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. พ.อ.วุฒิชัย นาควานิช เป็น ผบ.พล.ร.9 พ.อ.พัลลภ เฟื่องฟู เป็น ผบ.พล.ปตอ.

บิ๊กจอม นั่งแท่นคุมทุ่งดอนเมือง

ส่วนกองทัพเรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงในระดับหัวของกองทัพ เป็นเพียงการโยกย้ายแทนคนที่เกษียณ ได้แก่ พล.อ.พลเดช เจริญพูล เป็นรอง ผบ.ทร. พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ เป็น ผช.ผบ.ทร. พล.ร.ท.สุชีพ หวังไมตรี เป็น ผบ.กองเรือยุทธการ พล.ร.ท.ลือชัย รุดดิษฐ์ เป็น เสธ.ทร. พล.ร.ต.สุรศักดิ์ เมธยาภา เป็น ผบ.ทัพเรือภาคที่ 1

ทางด้านกองทัพอากาศ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เสธ.ทอ. ขยับขึ้นเป็น ผบ.ทอ. ตามคาด พล.อ.อ.ทวิเดนศ อังศุสิงห์ เป็นรอง ผบ.ทอ. พล.อ.อ.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ เป็น ผช.ผบ.ทอ. พล.อ.ท.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน เป็น ผช.ผบ.ทอ. พล.อ.ท.สุรศักดิ์ ทุ่งทอง เป็น เสธ.ทอ.

source: thairath.co.th/content/717865

ส่งความคิดเห็น