data-ad-format="autorelaxed">
ดอกขจร
คุณแม่คำตา โสนะชัย อายุ 62 ปี ชาวร้อยเอ็ด เจ้าของสวนมีสุข ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปลูกและเพาะพันธุ์ดอกขจรมากว่า 10 ปี
คุณแม่คำตาเล่าว่า เริ่มแรกคิดว่าดอกขจร หรือผักขิก เป็นไม้ป่าทั่วไป ในตอนแรกยังไม่รู้สนใจจะปลูกเท่าไหร่ จึงปลูกพืชผักทั่วไปขายเรื่อยๆ ต่อมานึกอยากหาผักที่ปลูกได้ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ เลยลองปลูกดอกขจร มีขึ้นทั่วไปตามป่าตามสวนดู
หลังจากปลูกมาได้สักระยะ ประมาณ 2-3 เดือน เริ่มเห็นว่าออกดอก พอถึงประมาณเดือนที่6 จึงเก็บผลผลิตและนำออกไปขายที่ตลาด จนเริ่มมีคนสนใจ เพราะผลผลิตที่ได้ดอกใหญ่ มีกลิ่นหอม หลังจากนั้นจึงเริ่มพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ มีหน่วยงานขอเข้ามาดูงานที่สวน จนกระทั่งมีแนวคิดเพาะพันธุ์ดอกขจรขายให้กับผู้ที่สนใจปลูกดอกขจร
ในส่วนของรายได้ ทางสวนเริ่มแรกนำไปขายเองบ้าง และมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อบ้าง ราคาจะตกอยู่ที่ประมาณ กิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งดอกขจรนั้นจะเก็บผลผลิตได้ 10 – 20 กก.ต่อวัน ต่อมาได้มีคนสนใจซื้อกิ่งไปปลูกต่อ จึงได้เพาะพันธุ์ดอกขจรขายด้วย พร้อมทั้งแนะนำการตลาด และช่วยขายให้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในแถบอีสาน ไปจนถึงประเทศลาว ที่ข้ามฝั่งมารับซื้อกิ่งพันธุ์ดอกขจรถึงหน้าสวนกันเลยทีเดียว
ขันตอนการปลูกดอกขจรให้ ผลผลิตงาม
1.เตรียมพื้นที่ปลูก ด้วยการวัดความเป็นกรดหรือด่างของดิน ซึ่งดอกขจรจะชอบดินที่เป็นกรดเล็กน้อย จากนั้นไถกลบดิน 2 ครั้ง และตากแดทิ้งไว้ ประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อฆ่าเชื้อโรค แล้วค่อยหว่านปูนขาวปรับสภาพดินด้วยก็ได้
2. จำเป็นต้องเลือกชนิดพันธุ์ดอกขจรที่จะปลูกให้เหมาะสม ซึ่งมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ ขจรพันธุ์พื้นเมืองและขจรพันธุ์ดอก ซึ่งดอกขจรพันธุ์ได้มาจากการปรับปรุงสายพันธุ์ของดอกขจรพันธุ์พื้นเมืองทำให้ได้ขจรที่มีดอกที่ใหญ่และดกมากขึ้น
3.ขุดหลุมระยะห่างกัน 2 คูณ 2 เมตร เพราะฉนั้นใน 1 ไร่ จะปลูกดอกขจรได้จำนวน 400 ต้น รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหลุมละครึ่งกิโลกรัม พรวนดินผสมกันกับปุ๋ยให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วนำต้นดอกขจรมาลงหลุมแล้วนำฟางมาคลุมไว้ เพื่อรักษาความชื้นให้กับต้นขจรและป้องกันหญ้าขึ้นได้อีกด้วย
4. การให้น้ำดอกขจร ถึงแม้ขจรจะไม่ชอบน้ำแต่ก็ไม่สามารถขาดน้ำได้เลย ควรรดน้ำวันละครั้งเพื่อให้ดอกมีที่โตและไม่เหี่ยวเฉา
5. ควรใส่ปุ๋ยให้เหมาะสมกับต้นดอกขจร ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 สลับกับปุ๋ยสูตร 25-7-7 โดยใส่สลับกันทุก 15 วัน
6. ควรป้องกันศัตรูของดอกขจร โดยเฉพาะ เพลี้ยไฟ ด้วยวิธีการป้องกันที่เหมาะสม
7. ควรทำค้างดอกขจรที่เหมาะสม ดอกขจรจะได้รับแสงแดดและออกดอกที่ดี
ดอกขจร หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า ดอกสลิด หรือ ดอกผักขิก ไม่เพียงแค่เป็นพืชไม้เลื้อยทั่วไป หรือผักต้ม ที่นำมาบริโภคให้ท้องอิ่มเท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณทางยามากมาย อาทิ
ยอดอ่อน ดอก ลูกอ่อน บำรุงธาตุ บำรุงตับ ปอด แก้เสมหะเป็นพิษ ราก ก็สามารถถอนพิษเบื่อเมา ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมและกลายเป็นพืชเกษตรที่มีราคาดี เนื่องจากบางช่วงสามารถจำหน่ายได้ถึงกิโลกรัมละ 200 บาทเลยทีเดียว
Source: http://news.mthai.com/hot-news/economy-news/454576.html