พืชสมุนไพรที่โด่งดังทางภาคใต้อย่างข่าเหลือง กำลังเป็นพืชเศรษฐกิจความหวังใหม่ของเกษตรกรชาวอีสาน ด้วยคุณสมบัติปลูกง่าย ราคาดี เป็นที่ต้องการของตลาด จนขนานนามกันว่า ข่าเหลืองเงินล้าน ติดตามช่วงเกษตรทำเงิน รายงานของคุณทินกร วีระพลศิลป์
ขอนแก่นเป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสานที่ขณะนี้เกษตรกรบางส่วนกำลังตื่นตัวปลูก “ข่าเหลือง” เป็นพืชเศรษฐกิจความหวังใหม่ที่จะเข้ามายกระดับความเป็นอยู่ของพวกเขาให้ดีขึ้น “สุนิสา ผางโคกสูง” เป็นอีกหนึ่งคนที่มองเห็นโอกาส เธอเพิ่งผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรได้ไม่นาน เริ่มต้นด้วยการปลูกมันสำปะหลัง 2 ไร่ ลงทุน 12,000 บาท ดูแล 1 ปี ขายได้เพียง 15,000 บาท เมื่อพบลู่ทางใหม่ทั้งศึกษาด้วยตัวเอง และมีอาจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้ามาส่งเสริมให้ความมั่นใจ จึงไม่รอช้า เลือกข่าเหลืองลงแปลงทันที
“อย่างที่ได้คุยกับปราชญ์แถวระนองบอกว่า ข่าเหลืองจะอยู่ตลาดได้นาน ได้ข้อมูลคนรับซื้อบอกตัวนี้มีออร์เดอร์เรื่อยๆ ขึ้นกับเราว่าจะสามารถผลิตได้ไหม”
เพื่อให้ข่าเหลืองโตได้เต็มที่ นักวิชาการแนะว่าควรปลูกในดินร่วนปนทราย ขุดหลุมกว้าง ยาว 40 เซนติเมตร ลึก 1 ฝ่ามือ แต่ละหลุมห่างกันราว 1 เมตร ค่าพันธุ์ข่าไร่ละประมาณ 18,000 –20,000 บาท ดูแลเพียง 8 เดือน ก็จะมีผู้ค้ามาเหมาถึงไร่ 50,000–100,000 บาทต่อไร่ แล้วแต่คุณภาพ หากล้างส่งจะได้ราคาสูงยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยคุณสมบัติพิเศษ สีสวย กลิ่นหอม รสชาติดี ไม่เผ็ดร้อนเกินไป ทำให้ข่าเหลืองเป็นที่นิยมในตลาดอีสานมากขึ้นตามลำดับ
“ตลาดใหญ่คือขอนแก่น โคราช อุบลฯ สุรินทร์ / อุบลฯ สุรินทร์เป็นอีกกลุ่มตลาดนึงจะเป็นข่าจากศรีสะเกษ ต่ำกว่าไร่ละแสนไม่ขายที่ศรีสะเกษนะ ถ้าแล้งมาจะแพง”
“ข่าเหลืองสีจะสวยเวลาต้มแกง ทำเครื่องแกงหอม ไม่เหมือน ข่าหยวก ข่าบ้านจะออกขาวๆ “
ปัจจุบันตลาดข่าเหลืองยังเปิดกว้าง เฉพาะขอนแก่นและนครราชสีมา ต้องการถึงปีละ 400 ไร่ แต่กำลังการผลิตยังไม่ถึง 100 ไร่ และกำลังจะเปิดตลาดไปยังภูมิภาคอื่นๆ ล่าสุดผู้ค้ารายนี้ยังได้รับการติดต่อจากต่างประเทศว่า ต้องการข่าเหลืองแก่ไปผลิตยาจำนวนมาก
อ้างอิง สำนักข่าวไทย