ไร่มันฝรั่ง

เกษตรกรชาวไทยเชื้อสายม้ง "กี่ แซ่ม้า" วัย 45 ปี แห่ง อ.พบพระ จ.ตาก คือผลพวงของความสำเร็จจากการเข้าร่วมโครงการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกมันฝรั่ง หลังชีวิตล้มเหลวจากการทำไร่ข้าวโพด และจากที่เขาและครอบครัวช่วยกันลงน้ำพักน้ำแรงอย่างเต็มที่ ทำให้ไร่มันฝรั่ง 60 ไร่ กลายเป็นขุมทรัพย์ที่พลิกชีวิตให้ลืมตาอ้าปากได้ในปัจจุบัน

เดิมกี่และชาวม้งอีกกว่า 30 ครัวเรือน ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณป่าห้วยขาแข้ง ทุ่งใหญ่นเรศวร ได้ยึดทำไร่เลื่อนลอยเลี้ยงครอบครัว ต่อเมื่อราว 10 ปีเศษ ทางการเกรงว่าหากปล่อยให้ขยายพื้นที่ทำไร่ออกไปจะเป็นการบุกรุกทำลายป่า จึงได้อพยพคนกลุ่มนี้มาตั้งหลักปักฐานบริเวณป่าเสื่อมโทรม อ.พบพระ จ.ตาก พร้อมจัดสรรที่ดินทำกินให้ครอบครัวละ 20 ไร่ ภายใต้เงื่อนไขห้ามซื้อขาย แต่กระนั้น กี่ก็ได้พื้นที่เพิ่มอีก 20 ไร่ในปีถัดมา  

 กี่จึงพลิกฟื้นผืนดินนี้ ด้วยการทำไร่ข้าวโพดเต็มพื้นที่ ทว่าตลอด 3-4 ฤดูกาลเก็บเกี่ยว ผลผลิตที่ได้ไม่คุ้มกับค่าเหนื่อยที่ลงทุน บวกความคิดที่มองว่าเพราะที่ดินปลูกน้อยเกินไป เขาจึงขวนขวายเพิ่มพื้นที่ปลูกเป็น 100 ไร่ ในรูปของการเช่า และมีบ้างที่ซื้อเพิ่มแต่ในที่สุดก็ยังเจอกับปัญหาเดิมๆ    

 “เราปลูกข้าวโพดได้ปีละครั้ง ราคาก็ไม่แน่นอน ไม่มีประกันราคา บางปีก็ดี บางปีก็ไม่ดี หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือกำไรแค่ 2-3 พันบาทต่อไร่เท่านั้น ถึงมีพื้นที่ปลูกเยอะก็ไม่คุ้มกับค่าเหนื่อย รายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูครอบครัว ผมมีภรรยา และลูกอีก 3 คน จึงพยายามมองหาพืชไร่อื่นๆ มาปลูกทดแทน”

 ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น กี่บอกว่าคือพลังที่กระตุ้นให้เขาและครอบครัวจำเป็นต้องเดินหน้า และนับเป็นโชคดีที่ต่อมาได้รู้จักพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการส่งเสริม เกษตรกรปลูกมันฝรั่งของเลย์ ของบริษัท ฟริโต-เลย์ ประเทศไทย ที่สนับสนุนด้านความรู้เขาจึงได้เข้าร่วมอย่างไม่รั้งรอ

  “ตอนนั้นชีวิตลำบาก ไม่รู้จะไปทำอะไรดี อีกทั้งความรู้ก็ไม่มี จนผมมีโอกาสได้คุยกับเพื่อนหลายคนที่เข้าร่วมโครงการปลูกมันฝรั่งซึ่งแต่ก่อนพวกเขาก็ทำไร่เหมือนผมแต่ ไม่ประสบผลสำเร็จ เมื่อเลย์เข้ามาชวน โดยให้คำแนะนำและความรู้ทุกขั้นตอน พวกเขาจึงเข้าร่วม ปรากฏว่าได้ผลผลิตดี รายได้ดีกว่าทำไร่ แถมมีการรับประกันราคา ผมจึงตัดสินใจลองทำบ้าง”

 ระยะแรกกี่ใช้พื้นที่ปลูก 25 ไร่ โดยทางเลย์ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมสนับสนุนเรื่องการเตรียมหัวพันธุ์ การปลูก จนถึงการเก็บเกี่ยว ส่วนตัวของกี่เองเตรียมเรื่องการลงทุน ทั้งด้านพื้นที่ การจัดการดูแลรักษา แรงงานเก็บเกี่ยว เป็นเงินราว 1 หมื่นบาทต่อไร่

 “ผมไม่รู้เรื่องการปลูกมันฝรั่งมาก่อน เท่ากับเริ่มจากศูนย์ ดีที่มีเจ้าหน้าที่ของเลย์มาดูแลตลอด เวลามีปัญหาก็ปรึกษาเขาได้ ปีแรกของการเก็บเกี่ยวผลผลิตดีมากเพราะได้ถึง 3 ตันต่อไร่ ผมทำอยู่ 3 ปีก็ฟื้นตัว จากนั้นก็ขยายพื้นที่ปลูกเป็น 35 ไร่ มีรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย 3-4 แสนบาทต่อการปลูก 1 ครั้ง ถือว่าคุ้มค่าเหนื่อยครับ" กี่ บอกด้วยความภาคภูมิใจ และเสริมว่าปัจจุบันเขาได้ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มเป็น 60 ไร่  
 
 กี่ บอกอีกว่า มันฝรั่งปีหนึ่งจะปลูกได้ 2 ครั้ง คือช่วงฤดูแล้ง พฤศจิกายน-มกราคม ส่วนในฤดูฝนปลูกได้ตั้งแต่พฤษภาคม-กันยายน คือ ถ้าปลูกเดือนพฤษภาคม ไปเก็บเกี่ยวในเดือนสิงหาคม

 ถึงวันนี้ กี่บอกว่าคุณภาพชีวิตของครอบครัวดีขึ้นมาก มีกำลังเงินพอที่จะส่งเสียให้ลูกๆ ทั้ง 3 ได้เรียนหนังสือ โดยหวังเล็กๆ อยากให้ลูกนำความรู้กลับมาช่วยพัฒนาอาชีพการปลูกมันฝรั่งต่อไป เพราะเขามองว่าเป็นอาชีพที่มั่นคง และอนาคตจะเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดที่เกษตรกรไม่ควรมองข้าม

อ้างอิง : http://www.komchadluek.net

ส่งความคิดเห็น