ฟาร์มเกษตร
ครบเครื่อง เรื่องปุ๋ยยา
ช่องทางการสั่งซื้อสินค้าจากฟาร์มเกษตร
1. โทรสั่งซื้อที่ 089-459-9003
2. แอดไลน์ไอดี PrimPB แชทสั่งซื้อ
3. สั่งทางเฟสปริม เฟสบุ๊คปริมคลิกที่นี่
4. สั่งผ่านะระบบตระกร้าสินค้า FKX.asia
5. สั่งผ่านเว็บลาซาด้า LAZADA.co.th
ทุกช่องทาง ชำระเงินขณะรับสินค้าที่บ้านคุณ
หมวด: เกษตรน่ารู้ | อ่านแล้ว 84961 คน | สั่งพิมพ์หน้านี้ | L

ดอกไม้และดอกไม้ประดิษฐ์

ดอกไม้ และดอกไม้ประดิษฐ์ เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญชนิดหนึ่งของไทย มีมูลค่าการส่งออกปีละประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท...

data-ad-format="autorelaxed">

 

ดอกไม้และดอกไม้ประดิษฐ์

ดอกไม้และดอกไม้ ประดิษฐ์ เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญชนิดหนึ่งของไทย มีมูลค่าการส่งออกปีละประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท สามารถนำรายได้จากต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามในปี 2532 สหรัฐอเมริกาได้ตัด GSP สำหรับ ดอกไม้ผ้าประดิษฐ์ด้วยมือจากประเทศไทย การตัด GSP ดัง กล่าวเป็นเหตุให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อการส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์ของไทย เนื่องจาก ภาษีนำเข้าจากไทยสูงขึ้นราคาสินค้ากลุ่มนี้ได้สูงขึ้นในด้านผู้ซื้อ ยิ่งไปกว่านั้นค่าจ้างแรงงานของไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งขันคือ จีนยังทำให้ดอกไม้และดอกไม้ประดิษฐ์ของไทยเสียเปรียบเชิงเปรียบเทียบ จีนได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในการส่งออกดอกไม้และดอกไม้ประดิษฐ์ในตลาดต่าง ประเทศรายสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเยอมันตะวันตก เนื่องจากมีราคาขายต่ำและค่าจ้างแรงงานต่ำ ดังนั้น ธุรกิจดอกไม้ประดิษฐ์ของไทยในช่วงปี 2533 จึงประสบ ปัญหา แม้ว่าในปี 2540 สหรัฐอเมริกาได้คืน GSP มาให้ไทยแล้วก็ตาม ภาครัฐและผู้ประกอบการได้มีการปรับตัวโดยพยายามหาตลาดใหม่ๆ ทดแทนตลาดสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีการขยายตลาดไปยังประเทศอังกฤษ ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ สเปน เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ไอร์แลนด์ โปรตุเกส แม็กซิโก ไต้หวัน อินเดีย เนเธอร์แลนด์ ฮ่องกง สหรัฐอาหรับอิมิเรต เกาหลี แคนาดา เป็นต้น นอกจากนั้น ยังได้มีการคิดค้นวัสดุใหม่ๆ เพื่อนำมาทำดอกไม้ประดิษฐ์เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งขันและมีการ คิดค้นสูตรการผลิตที่ลอกเลียนแบบได้ยากยิ่งขึ้น

ลักษณะการผลิต

•    ผู้ผลิตดอกไม้ประดิษฐ์ของไทยมี เป็นจำนวนมาก มีแหล่งที่ตั้งกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นหลัก และโรงงานส่วนใหญ่มีขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SMEs ประเภท กิจการในครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นการรวมกลุ่มของแม่บ้านในท้องถิ่น โดยส่วนหนึ่งจะทำการผลิตและจำหน่ายเอง อีกส่วนหนึ่งเป็นการรับคำสั่งผลิตจากโรงงานอื่นๆ  ตาม เทศกาล เช่น วันแห่งความรัก วันพ่อแห่งชาติ หรือวันแม่ เป็นต้น 

•    สำหรับโรงงานขนาดใหญ่ที่เน้นการ ผลิตเพื่อการส่งออกมักมีแหล่งที่ตั้งโรงงานในกรุงเทพฯและปริมณฑล   โดยผู้ผลิต ขนาดใหญ่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนและเปิดดำเนินการในปัจจุบันมี 24 ราย ส่วนใหญ่ดำเนินการผลิตดอกไม้ ผ้าโพลีเอสเตอร์และกิ่ง ก้าน เกสรที่ทำด้วยพลาสติก ทั้งนี้ผู้ผลิตรายใหม่ที่เป็นรายใหญ่ไม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2544  เนื่องจากสถานการณ์การส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์ของไทยมี ภาวะซบเซาต่อเนื่องหลายปีติดต่อกัน

•    อุตสาหกรรมดอกไม้ประดิษฐ์ มีการพัฒนารูปแบบสีสันและเพิ่มความสวยงาม โดยอาศัยเครื่องมือ เครื่องจักร และวัตถุดิบที่ทันสมัยเข้ามาช่วยทำให้การผลิตในแต่ละครั้งได้ปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม ในบางขั้นตอนยังจำเป็นต้องอาศัยฝีมือและความชำนาญของแรงงานเนื่องจากต้องการ ความประณีต แรงงานสามารถประกอบอาชีพได้ทั้งเป็นอาชีพหลักและอาชีพรอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม SMEs ประเภทกิจการในครัวเรือน

•    ดอกไม้ประดิษฐ์ที่ผลิตในปัจจุบัน มีการใช้วัสดุที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ดอกไม้จากผ้า  ดอกไม้จากถุง น่อง ดอกไม้จากพลาสติก  ดอกไม้จากกระดาษสา และดอกไม้จากดิน  ทั้งในลักษณะที่เป็นดอกเดี่ยว  ดอกไม้ที่จัดรวมเป็นช่อ  จัดเป็น แจกัน จัดเป็นทรงต้น เป็นโมบาย และกรอบรูป เป็นต้น ซึ่งดอกไม้ประดิษฐ์ที่ผลิตมากที่สุดคือดอกไม้ผ้าโพลีเอสเตอร์ ปัจจุบันผู้ประกอบการนักประดิษฐ์ได้พยายามนำวัสดุอื่นๆ มาผลิตเป็นดอกไม้ เช่น ยางพารา และเกล็ดปลา เป็นต้น

•    ความนิยมของตลาดดอกไม้ที่ใช้ผ้า โพลีเอสเตอร์มีอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถผลิตด้วยเครื่องจักร ดัดกลีบได้ตามต้องการ ย้อมสีได้สวยงาม ดอกไม้พลาสติกนั้นมีความต้องการไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นประเภทไม้เลื้อย ไม้ประดับและประเภทที่ใช้ในเทศกาลคริสต์มาส

•    ลักษณะการผลิต เป็นการผสมผสานความหลากหลายของจินตนาการให้มีรูปแบบคล้ายธรรมชาติให้มาก ที่สุด นอกเหนือจากดอกไม้แล้วยังมีใบไม้ ผลไม้และต้นไม้ประดิษฐ์ ซึ่งมีพัฒนาการจากชนิดลำต้นพลาสติกมาเป็น
ลำต้นจริง

•    สำหรับการผลิตดอกไม้ ใบไม้ ดอกไม้แห้ง ย้อมหรือฟอกสี เป็นการนำผลิตผลจากสวนดอกไม้มาจัดเป็นช่อหรือกระเช้าซึ่งได้รับความนิยมมาก ในปัจจุบัน โดยจำหน่ายในร้านดอกไม้และตลาดดอกไม้สด

ลักษณะตลาด

•    ตลาดดอกไม้ประดิษฐ์ส่วนใหญ่เป็น ตลาดส่งออก มูลค่าการส่งออกมีอัตราการขยายตัวที่ลดลงอย่างต่อเนื่องหรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 9.6 ต่อปี ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน (มีค.2551) กล่าวคือมีมูลค่า 1,704 ล้านบาทในปี 2544 ปัจจุบันเหลือมูลค่าประมาณ 900 ล้าน บาทต่อปี

•    ขณะที่ตลาดส่งออกดอกไม้ ใบไม้ ดอกไม้แห้ง ย้อมหรือฟอกสี มีมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นคิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 ต่อปี ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน (มีค.2551) โดยดอกกล้วยไม้มีมูลค่าส่งออกสูงถึงร้อยละ 97.1 ของมูลค่าส่งออกดอกไม้ ใบไม้ ดอกไม้แห้ง ย้อมหรือฟอกสีซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 2,800 ล้านบาท ต่อปี ตั้งแต่ปี 2548-2550

•    จีนกลายเป็นแหล่งปลูกดอกไม้และ เป็นตลาดส่งออกดอกไม้ใหญ่ที่สุดของโลก พื้นที่ปลูกดอกไม้ของจีนขยายกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง มูลค่าการจำหน่ายดอกไม้เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ความสามารถในการส่งออกได้เพิ่มขึ้น พร้อมกับขนาดของธุรกิจและความเป็นมืออาชีพได้ยกระดับขึ้น มูลค่าการปลูกดอกไม้ของจีนในปี 2547 เท่ากับ 43,000 ล้าน หยวน มูลค่าการส่งออกเท่ากับ 140 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ

•    ผู้ประกอบการของไทยที่อยู่ใน ธุรกิจดอกไม้และดอกไม้ประดิษฐ์ควรมีความคล่องตัว สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดได้ทันกาลและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ งานรูปแบบใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ และแสวงหากรรมวิธีการผลิตที่ทำให้คู่แข่งขันตามไม่ทัน

•    ในอดีตตลาดดอกไม้ประดิษฐ์ภายใน ประเทศยังมีความต้องการไม่มาก เนื่องจาก ประเทศไทยมีดอกไม้สดที่สามารถหาได้ง่ายและราคาไม่แพง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันความต้องการในประเทศเริ่มมีมากขึ้น เนื่องจาก การพัฒนาสินค้ามีความสวยงามและคล้ายธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ตลอดจนความคงทนสะดวกในการดูแลรักษาและราคาอยู่ในระดับปานกลาง

•    ตลาดดอกไม้ ใบไม้ ดอกไม้แห้ง ย้อมหรือฟอกสี มีการจำหน่าย 2 รูปแบบคือ จำหน่ายในร้านดอกไม้ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วไป และจำหน่ายในตลาดย่านปากคลองตลาดรวมทั้งสวนจตุจักรและตลาดไท

ตลาดส่งออก

•    ในช่วงปี 2527-2532 เป็นปี ทองของการส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์ของไทยเนื่องจากประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ต่างถูกถอนสิทธิพิเศษทางการค้าและภาษีศุลกากร(Generalize System of Preference : GSP) จากสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินค้า รายใหญ่ของโลก ขณะที่ไทยยังได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าวโดยได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้า ส่งผลให้ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยเพื่อต้องการ ใช้สิทธิ GSP ของไทยในการส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์ไปยัง ตลาดสหรัฐอเมริกา ไทยสามารถส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์ได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 31.0 ต่อปีระหว่างปี 2527-2532

•    หลังจากปี 2533 ที่ภาวะ เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาซบเซา และไทยถูกตัดสิทธิ GSP ดอกไม้ประดิษฐ์ประเภทที่ทำด้วยวัสดุอื่น เช่น ผ้า นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2532 เนื่องจากการส่งออกมีมูลค่าเกินกว่าที่กำหนด โดยไทยต้องเสียภาษีอากรขาเข้าร้อยละ 17 (จากรายงาน ภาวะธุรกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารแห่งประเทศไทย 2533) รวม ถึงต้นทุนในการผลิตที่สูงขึ้นทั้งวัตถุดิบค่าแรงงาน และค่าขนส่ง ทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในตลาดสหรัฐอเมริกาลดลงและเสียเปรียบ ประเทศคู่แข่งสำคัญคือจีนที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าไทย ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์ของไทยในตลาดโลกปรับตัวลดลงร้อยละ 15.4 ในปี 2533 และลดลงอีกร้อยละ 6.43 ในปี 2534 อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวของสหรัฐอเมริกาในปี 2535 ทำให้มูลค่าการส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์ของไทยโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 2,397 ล้านบาทในปี 2535 และมูลค่า 2,517 ล้านบาท ในปี 2537

•    อย่างไรก็ตาม ภายใต้ภาวะการแข่งขันด้านราคากับจีนที่มีความได้เปรียบทางด้านต้นทุนแรงงาน ที่ต่ำกว่าไทย ขณะที่ผู้ประกอบการเองก็มีความต้องการลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงตลาด สหรัฐอเมริกาเพียงตลาดเดียว จึงได้เริ่มลดการให้ความสำคัญต่อตลาดสหรัฐอเมริกาลง โดยจากเดิมตลาดสหรัฐอเมริกาเคยมีสัดส่วนการส่งออกเฉลี่ยร้อยละ 79.0 ของมูลค่า การส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์โดยรวมต่อปี ในช่วงปี 2527-2532 เหลือสัดส่วนร้อยละ 65.9 ในปี 2544 ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกโดยรวมของดอกไม้ประดิษฐ์ชะลอตัวลง อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา หรือลดลงเฉลี่ยร้อยละ 8.0 ต่อปีนับตั้งแต่ปี 2538-2546 โดยในปี 2546 ไทยส่งออกสินค้า กลุ่มนี้เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,234.9 ล้านบาท

•    จากข้อมูลของแผนกข่าวสารทางการค้า องค์การสหประชาชาติ และ U.S. Department of Commerce พบว่าจีนสามารถเพิ่ม ส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 52.6 ของ มูลค่าการนำเข้าดอกไม้ประดิษฐ์โดยรวมของสหรัฐอเมริกาในปี 2532 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 94.0 ในปี 2546 ขณะที่ไทยกลับมีส่วนแบ่งตลาดลดลงตามลำดับจากร้อยละ 17.6 ในปี 2532 เหลือเพียงร้อยละ 2.48 ในปี 2546 ดังนั้น ตลาดสหรัฐอเมริกาจึงเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการไทยไม่อาจหวังพึ่งพาได้มาก เหมือนในอดีต สหรัฐอเมริกาได้คืนสิทธิพิเศษทางการค้าและภาษีศุลกากร หรือ GSP มาในปี 2540 แต่นักลงทุนชาวต่าง ชาติจำนวนมากได้ย้ายฐานการผลิตไปจีนแล้วนับตั้งแต่ไทยสูญเสียสิทธิพิเศษดัง กล่าวในปี 2533 ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันสินค้าดอกไม้ ประดิษฐ์ของจีนจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าว แต่จีนมีความได้เปรียบกว่าไทย ทำให้นักลงทุนต่างชาติยังคงดำเนินกิจการในจีน

•    ตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีความต้องการใช้ดอกไม้ประดิษฐ์เพิ่มมากขึ้นทุกปี ปัจจุบันเป็นตลาดที่นิยมสินค้าราคาถูกในตลาดระดับล่างมากกว่าสินค้าระดับปาน กลางขึ้นไปเช่นที่ไทยผลิตส่วนใหญ่ในปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าของไทยจึงมีลักษณะเฉพาะเป็นกลุ่มลูกค้าประเภทนักออกแบบตกแต่ง ภายในที่ชื่นชอบและเชื่อมั่นสินค้าไทยเพราะรูปแบบของสินค้าที่เหมือนจริง อย่างไรก็ตาม ขนาดตลาดของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับตลาดสินค้าดอกไม้ ประดิษฐ์ทั่วไปในสหรัฐอเมริกา

•    สินค้าจากประเทศจีนมีการพัฒนา อย่างรวดเร็วทั้งในด้านคุณภาพและรูปแบบ ประกอบกับความต้องการด้านรูปแบบในตลาดสหรัฐอเมริกามีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้าง รวดเร็ว ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ดอกไม้ประดิษฐ์ของไทยยังไม่สามารถพัฒนาให้สอดคล้องกับความ นิยมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้เท่าที่ควร ทำให้ประเทศไทยยังคงเป็นผู้ตามประเทศจีนในด้านปริมาณการจำหน่ายในตลาด สหรัฐอเมริกา

•    มูลค่าการส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์ของ ไทยยังมีภาวะผันผวน จากการที่ภาวะเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะคู่ค้ารายใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาประสบภาวะ เศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับความต้องการของตลาดสหภาพยุโรปยังมีความเคลื่อนไหวไม่ มากนัก  ทำให้การส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์ของไทยในปี 2550 มีมูลค่าลดลงจากปี 2549 ทั้งที่ปี 2549 มูลค่าได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 หลังจากที่การส่งออกมีมูลค่าลดลงโดยตลอดกว่า 10 ปี การส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์ในปัจจุบัน 3 เดือน (มกราคม-มีนาคม 2551) มี มูลค่า 127 ล้านบาท

•    จากสถิติการส่ง ออกดอกไม้ประดิษฐ์ของไทย ปี 2544 สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลัก มีสัดส่วนคิดจากมูลค่าสูงเกินครึ่งคือร้อยละ 65.9 รอง ลงมาเป็น ญี่ปุ่น ร้อยละ 4.7 ฝรั่งเศส ร้อยละ 3.7 อังกฤษ ร้อยละ 3.5 อิตาลี ร้อยละ 2.8 โปรตุเกส ร้อยละ 2.5 สเปน ร้อยละ 2.4 ออสเตรเลีย ร้อยละ 1.5 เยอรมนี ร้อยละ 1.4 สหรัฐอาหรับอิมิ เรต
ร้อยละ 1.1 โดย 10 ประเทศ สูงสุดข้างต้นมีสัดส่วนรวมกันสูงถึงร้อยละ 89.3 และประเทศอื่นๆ ร้อยละ 10.7 เปรียบเทียบกับสถิติปี 2550 ตลาดสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนลดลงเหลือร้อยละ 36.7 รองลงมาเป็น ญี่ปุ่น ร้อยละ 25.1 ฝรั่งเศส ร้อยละ 3.4 อังกฤษ ร้อยละ 3.3 ไอร์แลนด์ ร้อยละ 3.0 เยอรมนี ร้อยละ 2.6 สเปน ร้อยละ 2.6
แม็กซิโก ร้อยละ 1.9 อิตาลี ร้อยละ 1.6 โปรตุเกส ร้อยละ 1.6 โดย 10 ประเทศสูงสุดข้างต้นมีสัดส่วนรวมกันสูงถึงร้อยละ 81.7 และประเทศอื่นๆ ร้อยละ 18.3 โดยพบ ว่าปัจจุบันมีการกระจายตัวและขยายตลาดไปยังตลาดใหม่ๆ มากขึ้น เช่น ไอร์แลนด์และแม็กซิโก เป็นต้น

•    มีการคาดการณ์จากศูนย์วิจัยกสิกร ไทยว่าดอกไม้ประดิษฐ์ของไทย จะยังสามารถเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญอันดับ แรกของอาเซียน และติดอันดับในกลุ่มผู้ส่งออกรายสำคัญ 10 อันดับแรกของ โลกได้ต่อไป โดยมีสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป เป็นตลาดส่งออกสำคัญ

•    มูลค่าการส่งออกดอกไม้ของไทย เติบโตขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2544-2550 โดยในปี 2544 มี มูลค่าส่งออก 1,615 ล้านบาท ปี 2545 มีมูลค่า 1,852 ล้านบาท ปี 2546 มีมูลค่า 2,206 ล้านบาท ปี 2547 มีมูลค่า 2,360 ล้านบาท ปี 2548 มีมูลค่า 2,719 ล้านบาท ปี 2549 มีมูลค่า 2,783 ล้านบาท และปี 2550 มีมูลค่า 2,732 ล้านบาท การส่งออกดอกไม้ในปัจจุบัน 3 เดือน (มกราคม-มีนาคม 2551) มีมูลค่า 644 ล้านบาท

•    อัตราการเติบโตของการส่งออกดอกไม้ ของไทย ปี 2545 เติบโตร้อยละ 14.7 ปี 2546 เติบโตร้อยละ 19.1 ปี 2547 เติบโตร้อยละ 7.0 ปี 2548 เติบโตร้อยละ 15.2 ปี 2549 เติบโตร้อยละ 2.4 และปี 2550 เติบโตลดลงร้อยละ 1.8

•    จากสถิติการส่งออกดอกไม้ของไทย ปี 2544 ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลักมี สัดส่วนรวมกันเป็นร้อยละ 60.7 โดยญี่ปุ่นมีสัดส่วน สูงกว่าสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนร้อยละ 39.7 และร้อยละ 21.0 ตามลำดับ รองลงมาเป็น อิตาลี ร้อยละ 14.2 เนเธอร์แลนด์ ร้อยละ 3.3 ไต้หวัน ร้อยละ 3.3 เยอรมนี ร้อยละ 2.5 จีน ร้อยละ       2.4 ฮ่องกง ร้อยละ 2.0 สิงค์โปร์ ร้อยละ 1.5 อังกฤษ ร้อยละ 1.4 โดย 10 ประเทศสูงสุดข้างต้นมีสัดส่วนรวมกันสูงถึงร้อยละ  91.3 และประเทศอื่นๆ ร้อยละ 8.7 เปรียบเทียบกับสถิติปี 2550 ญี่ปุ่นและ สหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดหลักและมีสัดส่วนใกล้เคียงกับในอดีตคือ ร้อยละ 32.2 และร้อยละ 21.5 ตามลำดับ รองลงมาเป็น จีน ร้อยละ 8.8 อิตาลี ร้อยละ 8.5 อินเดีย ร้อยละ 3.7 เนเธอร์แลนด์ ร้อยละ 3.3 ไต้หวัน ร้อยละ 3.1 สิงค์โปร์ ร้อยละ 2.6 สหรัฐอาหรับ
อิมิเรต ร้อยละ 1.4 ออสเตรเลีย ร้อยละ 1.2 โดย 10 ประเทศ สูงสุดข้างต้นมีสัดส่วนรวมกันสูงถึงร้อยละ 86.3 และ ประเทศอื่นๆ ร้อยละ 13.7 โดยพบว่าปัจจุบันมีการกระ จายตัวและขยายตลาดไปยังตลาดใหม่ เช่น อินเดีย สหรัฐอาหรับอิมิเรต และออสเตรเลีย เป็นต้น

การแข่งขันใน ตลาดต่างประเทศ

•    สถานการณ์การแข่งขัน ผู้ประกอบการไทยยังคงต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันจากคู่แข่ง 2 กลุ่ม (Competitive Nutcracker) ได้แก่ กลุ่มที่ผลิตดอกไม้ ใบไม้ และต้นไม้ประดิษฐ์คุณภาพสูง ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และเบลเยี่ยม โดยมีจุดเด่นในด้านการออกแบบชิ้นงาน และ การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาเสริมศักยภาพ และกลุ่มที่ ผลิตสินค้าคุณภาพปานกลางถึงต่ำ ซึ่งมีราคาจำหน่ายเฉลี่ยต่อหน่วยต่ำกว่าไทย ได้แก่ จีน  ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย  โดยอาศัยปัจจัยสนับสนุนจากอุปทานของแรงงานที่มีเป็นจำนวนมากและ มีการพัฒนาแรงงานฝีมืออย่างต่อเนื่องในการผลิตสินค้าหัตถกรรม  นอกจากนี้จีนยังมีความพร้อมของเทคโนโลยีการผลิตที่ได้รับการ ถ่ายทอดจากนักลงทุนชาวไต้หวันและฮ่องกงที่เป็นผู้ชำนาญด้านการผลิตสินค้า กลุ่มนี้และได้ขยายฐานการผลิตเข้าไปในจีน

•    จากรายงานของ Global Trade Atlas พบว่าประเทศที่เป็นผู้นำเข้าดอกไม้ ใบไม้ และต้นไม้ประดิษฐ์ที่สำคัญที่สุดในตลาดโลกในปัจจุบันยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา มีการนำเข้าคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30-35 ของมูลค่า การนำเข้าโดยรวมในตลาดโลก รองลงมาคือสหภาพยุโรป (สัดส่วนร้อยละ 25-30) ฮ่องกง ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และรัสเซีย ที่มีกำลังซื้อและมีตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโต ซึ่งต้องการดอกไม้ประดับสถานที่

•    สถานการณ์การนำเข้าในปี 2550  พบว่าตลาด สหภาพยุโรปเท่านั้นที่ยังเติบโตเพิ่มขึ้น (ในช่วง 5 เดือน แรกของปี 2550 เติบโตร้อยละ 9.3)  ขณะที่ญี่ปุ่นทรงตัว (ในช่วง 8 เดือนแรก ของปี 2550 เติบโตร้อยละ 0.8) ส่วนตลาดสหรัฐอเมริกาเติบโตลดลง (ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2550 ลดลงร้อยละ 6.2)  สำหรับสถานะทางการค้าของไทยในตลาดโลกพบว่า แม้ปัจจุบันไทยจะเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญอันดับ 1 ใน กลุ่มอาเซียน และติดอันดับในกลุ่มผู้ส่งออกรายสำคัญ 10 อันดับแรกของโลก แต่จากสถิติของ Global Trade Atlas พบว่าในปี 2549 ไทย ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 7  ด้วยสัดส่วนร้อยละ 1.6  นั้นเป็นสัดส่วนที่แตกต่างจากอันดับ 1 คือจีนที่มีส่วนแบ่งตลาดถึงร้อยละ 42.4 และ อันดับ 2 คือฮ่องกงมีส่วนแบ่งตลาดถึงร้อยละ 41.6

•    จีนเป็นประเทศผู้ผลิตดอกไม้ ใบไม้ และต้นไม้ประดิษฐ์รายสำคัญอันดับ 1 ของโลก ส่วนใหญ่เป็นสินค้าคุณภาพปานกลางถึงต่ำ โดยสามารถ เป็นผู้นำตลาดในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสัดส่วนร้อยละ 30.4 ในปี 2543 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 42.4 ในปี 2549  อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการส่งออกของจีนไปยังตลาดหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และเยอรมนีมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง  ส่วน ตลาดที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้น คือ รัสเซีย ตะวันออกกลาง และประเทศในยุโรปตะวันออก ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่ภาครัฐและผู้ประกอบการของไทยได้วางเป้าหมายที่จะขยายตัว เช่นเดียวกัน

•    ฮ่องกงเป็นประเทศที่สามารถมีส่วน แบ่งในตลาดดอกไม้ ใบไม้ และต้นไม้ประดิษฐ์ของโลกมากเป็นอันดับ 2 รองจากจีนในปี 2549  ซึ่งนับเป็นปีแรกของฮ่องกง ที่ผ่านมาฮ่องกงเป็นผู้นำในฐานะของพ่อค้าคนกลาง ดังนั้น เมื่อจีนสามารถพัฒนามาเป็นทั้งแหล่งผลิตและผู้จัดจำหน่ายแล้ว ความเป็นไปได้ที่ความสำคัญของฮ่องกงในฐานะพ่อค้าคนกลางอาจมีแนว โน้มลดลง

•    เนอร์เธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกาและเยอรมนี  ในแต่ละปีกลุ่มประเทศที่ผลิตสินค้าคุณภาพสูง เช่น เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกาและเยอรมนี มีสัดส่วนของส่วนแบ่งตลาดรวมกันเพียงร้อยละ 6-7 เท่านั้น มีอัตราการเติบโตค่อนข้างทรงตัว มีตลาดหลักเป็นตลาดเดิมคือประเทศแถบยุโรป


แผนภาพเปรียบเทียบตลาดส่งออกดอกไม้และดอกไม้ประดิษฐ์ของ ไทย ปี 2544 และปี 2550

 

ส่งออกดอกไม้

ร้านดอกไม้: ตลาดในประเทศ

•    ช่องทางจำหน่ายในร้านดอกไม้สำหรับ ผู้ประกอบการ SMEs เป็นธุรกิจที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมาผู้บริโภค เห็นว่าดอกไม้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ร้านดอกไม้ส่วนใหญ่จึงมีการปรับกลยุทธ์ สร้างมูลค่าโดยเน้นการออกแบบและนำเทคนิคการจัดใหม่ๆ มาใช้ ได้แก่ การนำผัก-ผลไม้มาจัดร่วมกับดอกไม้เป็นช่อหรือกระเช้า เพื่อให้สินค้ามีคุณค่าและเพิ่มบริการจัดส่งฟรี รวมทั้งบริการสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ต ขณะที่ร้านดอกไม้ในห้างสรรพสินค้าได้เพิ่มช่องทางธุรกิจจัดงานแต่งงานใน ลักษณะเป็นแพ็คเกจเนื่องจากธุรกิจมีความใกล้เคียงกัน  ประกอบด้วย บริการจองสโมสรหรือโรงแรม บริการจัดดอกไม้ ชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ถ่ายภาพแต่งงาน รวมถึงการจัดหาสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับฮันนีมูน เป็นต้น

•    จากพฤติกรรมเร่งรีบในการเดินทาง ของผู้บริโภค การจัดจำหน่ายของร้านดอกไม้ในลักษณะคีออสบนสถานีรถไฟฟ้า จึงเป็นการตลาดแนวใหม่ แม้มีพื้นที่เพียง 2 ตารางเมตรแต่สามารถให้บริการได้ ทั่วถึงยิ่งขึ้น

•    ร้านดอกไม้ออนไลน์ ปัจจุบันได้มุ่งเน้นด้านเทคนิคและใช้วิธีการเพิ่มเนื้อหา (Content) เกี่ยว กับดอกไม้ นำ Search Engine เข้ามาใช้หาข้อมูล โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ ขณะเดียวกันด้านบริการ ผู้ประกอบการได้เพิ่มช่องทางเพื่อติดต่อกับลูกค้าให้สะดวกมากยิ่งขึ้น อาทิ ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) หรือช่องทางรับชำระค่าบริการทางโทรศัพท์มือถือ (Mobile Payment)ตลอดจน มุ่งเน้นการรักษาบริการ (Service Mind) การกระตือรือร้นในการต้อนรับลูกค้า ร่วมกับการจัดตกแต่งร้านให้มีสีสัน สร้างความรู้สึกผ่อนคลาย

•    ตลาดดอกไม้สด เติบโตมากในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ของทุกปี กลยุทธ์ส่วนใหญ่สำหรับกลุ่มวัยรุ่น ได้แก่ การจัดโปรโมชั่น ประชาสัมพันธ์ และใช้กลยุทธ์ราคาในย่านห้างสรรพสินค้า ผู้ประกอบส่วนหนึ่งทำการโฆษณาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ และสั่งซื้อดอกไม้จากต่างประเทศมาจัดเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์

 

แนวโน้มตลาด

•    ตลาดส่งออกดอกไม้สดมีแนวโน้มที่ ยังคงเติบโตได้ ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับคุณภาพและบรรจุภัณฑ์เพื่อถนอมความสดใหม่ของ สินค้า

•    ตลาดดอกไม้ประดิษฐ์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีตลาดระดับล่างถึงระดับกลางเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ผู้ประกอบการไทยควรหัน มาให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการต้นทุนอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมาก ขึ้นเพื่อลดอัตราการสูญเสียวัตถุดิบ ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตวัตถุดิบที่มีคุณภาพให้ได้ปริมาณที่ เพียงพอเพื่อลดการพึ่งพิงวัตถุดิบจากต่างประเทศ เนื่องจาก ต้นทุนส่วนใหญ่คือต้นทุนวัตถุดิบในสัดส่วนถึงร้อยละ 40 ของต้นทุนการ ผลิตรวม ถ้าควบคุมวัตถุดิบได้จะสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้ โดยเฉพาะด้านราคาจำหน่ายซึ่งตลาดสหรัฐอเมริการค่อนข้างให้ความสำคัญ นอกจากนี้ควรมีการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการซึ่งปัจจุบันค่อนข้างกระจัดกระจาย เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางการตลาดและเปิดโอกาสเพื่อรองรับปริมาณการสั่งซื้อ จำนวนมากจากตลาดสหรัฐอเมริกาและกระจายไปในจังหวัดที่ยังคงมีค่าแรงไม่สูงนัก

•    ตลาดดอกไม้ประดิษฐ์ระดับกลางขึ้น ไป ผู้ประกอบการไทยควรมุ่งเน้นการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงธรรมชาติต่อ ไป โดยอาศัยความได้เปรียบด้านฝีมือแรงงานซึ่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งขยายตลาดไปสู่กลุ่มประเทศที่ให้ความสำคัญกับความประณีตและคุณภาพ ของสินค้ามากกว่าราคา เช่น กลุ่มประเทศในยุโรป ได้แก่ สหราชอาณาจักร เยอรมนี สเปน และไอร์แลนด์ เป็นต้น

•    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชนควรต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังในการเสริมสร้างศักยภาพการผลิตดอกไม้ ใบไม้ และต้นไม้ประดิษฐ์ของไทย ทั้งในด้านการผลิตและการตลาด ทั้งนี้เพื่อสร้างโอกาสในการขยายส่วนแบ่งตลาดดอกไม้ ใบไม้ และต้นไม้ประดิษฐ์ของไทยในตลาดโลกอย่างยั่งยืน อันจะนำมาซึ่งยุคทองของสินค้ากลุ่มนี้อีกครั้งเช่นในอดีต

การส่งเสริมสินค้าหัตถกรรมของภาครัฐ

กรมส่งเสริม อุตสาหกรรมมีนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาทั้งในด้านการผลิต การตลาด วิชาการ และเงินทุนโดยสรุปได้ดังนี้

•        ให้บริการด้านการฝึก อาชีพและเทคนิคการผลิต

•        ให้บริการปรึกษาและดัดแปลงเครื่องมือที่ใช้แบบเดิมให้ทันสมัยมาก ขึ้น

•        ให้บริการออกแบบและปรับปรุงพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์หัตถกรรมต่างๆ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐานมากขึ้น

•        ศึกษาค้นคว้าเทคนิคกรรมวิธีใหม่ๆ

•        ส่งเสริมด้านการตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยจัดหาสถานที่สำหรับนำผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตไปแสดง รวมทั้งศึกษาวิจัยความต้องการของตลาด

•        ส่งเสริมด้านวิชาการ โดยจัดทำเอกสารและจัดสัมมนาวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการผลิต

•        ด้านการเงินได้จัดให้มีทุนหมุนเวียนในรูปของเงินยืมในวงเงินไม่ เกินรายละ 1,000,000 บาท

•        กระตุ้นการผลิตโดย จัดโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรม โครงการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมชนบท (สอช.) โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นต้น

ปัญหาและแนวทางการแก้ไข

1.    ด้านแรงงาน ดอกไม้ผ้าที่ทำด้วยมือนั้นเป็นงานประดิษฐ์ที่ต้องใช้ฝีมือของแรงงาน ผู้ผลิตและหน่วยงานรัฐควรจะร่วมมือกัน เช่น จัดตั้งศูนย์พัฒนาแรงงานช่างฝีมือ เพื่อให้แรงงานมีทักษะและความชำนาญ สามารถประดิษฐ์ชิ้นงานที่มีความประณีตและมีความละเอียดมากขึ้น อันจะนำไปสู่การกำหนดราคาที่ดีกว่าคู่แข่ง ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการควรสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับแรงงาน เช่น มีสวัสดิการต่างๆ เพิ่มเติมจากการจ่ายค่าจ้าง

2.    เอกลักษณ์และความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ ลูกค้าในตลาดใหม่ๆ เช่น ยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา และรัสเซีย เป็นตลาดที่มีศักยภาพ แต่จีนได้พยายามเปิดตลาดดังกล่าวเช่นเดียวกับไทย ดังนั้น การปรับตัวของผู้ประกอบการไทยเพื่อรองรับการแข่งขันในอุตสาหกรรมดอกไม้ ประดิษฐ์ ควรให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านคุณสมบัติและส่วนผสมของวัตถุดิบรวม ถึงเทคโนโลยีการผลิต โดยเน้นการนำวัสดุท้องถิ่นในประเทศมาพัฒนาปรับปรุงให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้เกิดเอกลักษณ์และความแตกต่างจากคู่แข่ง เช่น สูตรของวัตถุดิบเพื่อสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ได้แก่ สูตรสำหรับดอกไม้กลางแจ้งที่ทนต่อแสงแดด ดอกไม้ในร่มที่ไม่ก่อให้เกิดการสะสมของฝุ่น เป็นต้น หรือสูตรของวัตถุดิบที่มีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ธรรมชาติที่อาจพัฒนามาจาก ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติหรือสมุนไพรไทย แต่ควรต้องผ่านการศึกษาวิจัยอย่างละเอียด หรือการคิดค้นเทคโนโลยีการผลิตส่วนประกอบต่างๆ ของดอกไม้ประดิษฐ์ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นและยากต่อการลอกเลียนแบบเพื่อ ป้องกันการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่

3.    กลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าสินค้า โดยการออกแบบชิ้นงานให้มีความโดดเด่น และการนำเสนอสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้นภายใต้การบริหารจัดการต้นทุนที่ มีประสิทธิภาพ เพื่อพยุงผลกำไร พร้อมทั้งขยายตลาดกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น ทั้งกลุ่มหนุ่มสาววัยทำงาน กลุ่มโรงแรมหรูหราราคาระดับสูง และกลุ่ม
รี สอร์ต รวมถึงปรับปรุงการจัดส่งและระบบการจัดจำหน่าย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น

4.    ติดตามและศึกษารสนิยมผู้บริโภคในตลาดเป้าหมาย เนื่องจากรสนิยมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันและมีการ เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ผู้ประกอบการไทยจึงต้องศึกษาและติดตามโดยตลอดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้ตาม ความต้องการ

5.    การสนับสนุนแหล่งทุน หน่วยงานของภาครัฐควรก้าวเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในการปรับปรุงพัฒนา อุตสาหกรรมนี้ โดยเฉพาะในส่วนของเงินทุนในการทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาเครื่องจักร รวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย เนื่องจากผู้ผลิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่มี เงินทุนไม่มากนัก เพื่อยกระดับให้สินค้าดอกไม้ประดิษฐ์ของไทยสามารถก้าวไปสู่ตลาดระดับกลางถึง บนได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ

•        ความ คิดริเริ่มในการนำวัสดุใหม่ๆ มาใช้ในงานประดิษฐ์ดอกไม้ ให้มีความสวยงามใกล้เคียงธรรมชาติ

•        ความ พยายามในการลดต้นทุน ควบคุมวัตถุดิบสูญเสียและเพิ่มระบบการบริหารจัดการในกลุ่มผู้ประกอบการ ดอกไม้ประดิษฐ์ระดับครัวเรือนหรือหมู่บ้าน

•        การ สร้างโอกาสในการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีความต้องการใช้ดอกไม้และดอกไม้ประดิษฐ์ เนื่องจากการเติบโตของเมือง ตลอดจนศึกษาความต้องการของตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เพื่อพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้ตามความต้องการ

•        ธุรกิจร้านดอกไม้ ภายในประเทศ ผู้ประกอบการได้พยายามปรับตัวโดยการสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และเพิ่มช่อง ทางการจำหน่าย ได้แก่ การมุ่งเน้นการออกแบบและนำเทคนิคการจัดดอกไม้ใหม่ๆ มาใช้ เพิ่มบริการส่งสินค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพิ่มช่องทางกระจายสินค้าผ่านบริการทางอินเทอร์เน็ต ร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจที่มีความใกล้เคียงกันโดยให้บริการที่ครบวงจรมาก ขึ้น ดังนั้น ความสำเร็จคือความพร้อมในการปรับตัวสำหรับ
พลวัตรทางธุรกิจ ที่สามารถเกิดขึ้นได้

หน่วยงานที่ให้ความสนับสนุน

•        กรม ส่งเสริมอุตสาหกรรม

ถนนพระรามที่ 6 เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400

โทรศัพท์ : 02-202-4514

www.dip.go.th/

 

•        สมาคม ผู้ผลิตและส่งออกสินค้าดอกไม้ใบไม้และต้นไม้ประดิษฐ์
ที่ตั้งสำนักงาน 1000 หมู่ที่ 3 ถนนเทพารักษ์ เทพารักษ์ เมือง สมุทรปราการ 10270

•        กรม พัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

44/10 ถนนนนทบุรี 1 ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000

โทร. 0-2547-5050 สาย ด่วน 1570

http://www.dbd.go.th/index.phtml

 

•        ธนาคาร พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย

เลขที่ 310 อาคาร SME BANK Tower ชั้น 10 ถนน พหลโยธิน แขวงสามเสนใน
เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400

สายด่วน 1357

 

•        สำนักงาน ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)

เลขที่ 21 อาคารทีเอสที ชั้น G, 15, 17-20, 23 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

โทรศัพท์ 0-2278-8800 โทรสาร 0-2273-8850

http://www.sme.go.th

 

•        สถาบัน พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

99 ยิม 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต คลองหลวง ปทุมธานี 12120

โทร.0-2564-4000

http://www.ismed.or.th/

อ้างอิง : http://cms.sme.go.th/cms/c/portal/layout?p_l_id=25.722

 


อ่านเรื่องนี้แล้ว : 84961 คน £




ความคิดเห็นจากผู้อ่าน:

นางปูน ราตะกั่ว
[email protected]
พอดีที่หมู่บ้านของแฟนผมที่จังหวัดศรีสะเกษเขาทำดอกไม้ประดิษฐ์ทำแบบครอบครัวครับพ่อแม่พี่สาวและญาติๆได้ทำดอกไม้จากต้นโสนแต่เราไม่มีที่ส่งหรือคนรับซื้อหรือสั่งทำเลยอยากจะหาคนช่วยหน่อยครับถ้ามีคนสนใจติดต่อได้นะครับ..0903689183(แม่ปุ่น ราตะกั่ว)
16 ธ.ค. 2561 , 08:04 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

อินทัช
[email protected]
อยากรับงานมาทำที่บ้านคะมีทีมงานคะติดต่อได้นะคะ083-3006947อินทัชคะ
17 พ.ค. 2559 , 03:54 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

กิรณา บุญเลิศ
[email protected]
รับผลิตวัสดุในการทำดอกไม้ประดิษฐ์ทุกชนิดค่ะราคาไม่แพงสนใจติดต่อเลยค่ะ 0878158180
02 ส.ค. 2558 , 09:02 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

สกาวเดือน
[email protected]
จ่ายงานนอกรึป่าวค่ะ ดิฉันทำดอกไม้ใบยาง และโคมไฟดอกไม้ใบยาง ทำส่งที่สวนจตุจักรค่ะ สนใจรับงานมาทำค่ะ

[post via mobile device]
22 เม.ย. 2558 , 11:46 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

WISUT
[email protected]
ต้องการรับงานมาทำที่เรือนจำกลางเชียงราย สนใจติดต่อ 081-9965531 
post on mobile version
16 Jan 2013 , 12:05 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

คุณนันทรัตน์ มณีผ่อง
[email protected]
มีกระดาษพันก้านดอกไม้ขาย(เปเปอร์เทป) ค่ะ สนใจติดต่อ 089-6115186 (เจี๊ยบค่ะ)
07 ม.ค. 2556 , 01:14 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

คุณวณิชย์ชยา จิราธิวัตน์
[email protected]
สนใจส่งออก งานดอกไม้ประดิษฐ์ค่ะ ต้องทำอย่างไรค่ะ 
082-8994978
06 พ.ย. 2555 , 11:12 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

คุณวณิชย์ชยา จิราธิวัตน์
[email protected]
เรามิดอกไม้ประดิษฐ์ขายทำจาก กระดาษสาและทำจากสบู่ดิน สนใจติดต่อสอบถามและตัวอย่างได้ค่ะ
085-2168289 ราคา 10-20 บาทค่ะ
06 พ.ย. 2555 , 11:09 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ต้นอ้อ
[email protected]
อยากรับงานมาทำที่บ้านไม่ทราบจ่ายงานออกให้ทำข้างนอกหรือเปล่าค่ะ มีทีมงาน ประมาณ 10 คน รับทำงานตามตัวอย่าง ถ้าสนใจติดต่อ 0897441965 ขอบคุณค่ะ
26 ก.ค. 2555 , 01:44 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

กวาง
[email protected]
มีดอกไม้ประดิษฐ์จากต้นโสนค่ะ ต้องการขาย รูปแบบตาม ออเดอร์ที่สั่งค่ะ สนใจติดต่อ กวาง 086-817-5005
ปุ๋ง 087-669-6705 ขอบคุณค่ะ
10 ก.ค. 2555 , 01:47 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

spice
[email protected]
ผมเป็นโรงงานผลิตทั้งหัวดอกไม้ และดอกไม้ประดิษฐ์ ทุกชนิด งานเราส่งออกไปประเทศอังกฤษ และโซน ยุโรปเน้นที่คุณภาพเป็นหลัก และมั่นใจในตัวสินค้าของเรา

ผู้ที่สนใจ ติดต่อ วีร์ศรัณย์ 087-555-7417
30 ม.ค. 2555 , 09:06 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ถาวร ดวงจิตร
[email protected]
ผมมีวัสดุทำดอกไม้จากธรรมชาติขายครับ สีสวย ให้ความรู้สึกเป็นดอกไม้มากที่สุด สนใจติดต่อมาได้ทางอีเมล์ครับ ราคาไม่แพง

26 ม.ค. 2555 , 11:15 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

คุณ สุ
[email protected]
มีใบยางพาราฟอกขาว   ทุกขนาด  ตั้งแต่ 2 -12 นิ้ว และมีจำหน่ายใบโพธ์ฟอกขาว  ตั้งแต่ 3 -5  นิ้ว  ติดตต่อ ที่  081 2858829     ขายส่งทั่วประเทศ รับรองคุณภาพ
17 ม.ค. 2555 , 11:16 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

นิจ
[email protected]
ต้องการซื้อดอกไม้ประดิษฐ์แบบเถาวัลย์ เป็นใบเขียวล้วนหรือมีดอกสลับด้วยก็ได้ค่ะ นำมาใช้ตกแต่งสถานที่ และทำกระเช้าจำนวนเยอะค่ะ
รบกวนแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ 
01 ม.ค. 2555 , 07:15 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

JO
[email protected]
อยากได้ผู้ประกอบการจัดส่งดอกลิลลี้ไป มาเลเซียครับ 
088-007-0527
27 ก.ย. 2554 , 09:01 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

บุศรินทร์
[email protected]


ผู้ผลิตดอกไม้ประดิษฐ์ รับผลิตตามคำสั้งลูกค้า



สนใจเข้าชมตัวอย่างได้  www.dokmaithai.in.th



13 ก.ย. 2554 , 10:31 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ชฎาพร ถิ่นเกาะยาว
[email protected]
ขายใบยางพาราฟอกขาวจำนวนมากลองโทรมาคุยสิค อาจได้ราคาถูกกว่าที่ท่านคิดเพราะที่บ้านทำเองนะคะ มีทุกขนาดนะคะ 0895013952-ฝน (ส่งทั่วประเทศคะ)
09 ก.ย. 2554 , 08:58 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

คุณปุ๊ย
[email protected]


สนใจทำดอกไม้ประดิษฐ์ เนื่องจากมีกลุ่มแม่บ้านที่เคยผลิต  และต้องการส่งออก แต่ยังไม่ทราบข้อมูลในการหาแหล่งวัตถุดิบ และการติดต่อตลาดต่างประเทศค่ะ รบกวนแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมให้หน่อยนะคะ  ขอบคุณค่ะ



31 ส.ค. 2554 , 10:37 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

nhung
[email protected]


ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งผลิตดอกไม้ประดิษฐ์ในกรุงเทพฯและปริมลฑลครับเพราะต้องการเปิดร้านขายส่งดอกไม้ประดิษฐ์ที่ต่างจังหวัดหรือข้อมูลร้านนำเข้าจากจีน





19 ส.ค. 2554 , 12:13 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ส่งความคิดเห็น

 

 
   
   

เลือกหมวด :

แสดงเนื้อหารวมจากทุกหมวด, สินค้าเกษตร, ไอเดียและเทคโนโลยีเกษตร, รวม VDO เด่นจาก FK, นาข้าว, เศรษฐกิจเกษตร, ภาพถ่ายเกษตร, ไร่อ้อย, มันสำปะหลัง, ยางพารา, ปาล์มน้ำมัน, ไร่ข้าวโพด, ผักและการปลูกผัก, การปลูกพืช, ไม้ผล ไม้ยืนต้น, เกษตรน่ารู้, สมุนไพร, ไม้มงคล, พุทธศึกษา, FK Talk, สุขภาพ, การใช้ SUN กับพืชต่างๆ, แอพฯด้านเกษตร, ไม้ดอก ไม้ประดับ, องค์กรด้านเกษตร, ซื้อขายที่ดิน, ห้องปศุสัตว์, ประมง, เกษตรกรตัวอย่าง, ฟาร์มเกษตรพาเที่ยว, FK Freestyle, Agri live update, ออแกนิกส์, จักรกล, อุปกรณ์การเกษตร, ไร่กาแฟ,


แสดงทั้งหมดใน [เกษตรน่ารู้]:
พืชที่ขาด ธาตุสังกะสี ต้นจะแคระ ใบเล็ก พืชที่ขาดธาตุเหล็ก ใบจะเหลือง และโตช้า
ปลูกพืชข้ามแล้ง พืชไม่กินปุ๋ย ต้นแคระ ใบเหลือง และใบร่วง และมักเกิดโรคระบาดในแปลงปลูกในช่วงหน้าหนาว
อ่านแล้ว: 9126
ดูแลพืช แก้ปัญหาพืชที่ไม่กินปุ๋ย ใบเหลือง ไม่แข็งแรง
ในระยะเร่งโตปุ๋ยกินทางใบ มีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งธาตุหลัก ธาตุรอง และธาตุอาหารเสริมเข้มข้น ด้วยสูตรพิเศษ
อ่านแล้ว: 7474
แนะใช้ ไตรโคเดอร์มา แก้โรคพืชในพริกไทย
สำหรับเชื้อราไตรโคเดอร์มา เป็นเชื้อราชั้นสูงที่ดำรงชีวิตอยู่ในดิน อาศัยเศษซากพืช ซากสัตว์และอินทรียวัตถุเป็นแหล่งอาหาร
อ่านแล้ว: 7547
เก็บไม่ทันขาย-รายได้งาม! หลินจือแดง บ้านเกาะใหญ่ ออร์เดอร์ล้นเกินปีใหม่
พัฒนาเห็ดหลินจือแดงไปอีกขั้น โดยนำเห็ดหลินจือแดงสดที่ตากแห้งส่งให้ มอ.หาดใหญ่ตรวจเพื่อยื่นเรื่องขอ อย.
อ่านแล้ว: 7878
สารคามติวเข้มเกษตรกร รู้ทันเล่ห์พ่อค้าโกงตาชั่ง ระบาดหนักสุดในภาคอีสาน!
เผยมีเครื่องชั่งไฟฟ้าที่ใช้รับซื้อข้าวเปลือก ยางพารา แอบใช้รีโมตกำหนดน้ำหนักเองได้ กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 300 เครื่อง
อ่านแล้ว: 6860
เพาะเลี้ยง ไข่น้ำ อาหารปลาราคาถูก
คนอีสานรู้จักผำมาแต่โบราณ เอาทำกับข้าว ผัดใส่ไข่เจียว แต่รู้จักเอามาจากธรรมชาติ โดยเฉพาะในหน้าฝนเกิดขึ้นมาก แต่..
อ่านแล้ว: 8127
เปิดวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ข้าว ทุเรียน ปาล์ม แนะเกษตรกรวางแผนเก็บกักน้ำ ใช้ให้เหมาะกับพื้นที่
บูรณาการศึกษาวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ ของการผลิตข้าวหอมมะลิ การผลิตข้าว กข การผลิตทุเรียน และการผลิตปาล์มน้ำมัน
อ่านแล้ว: 7355
หมวด เกษตรน่ารู้ ทั้งหมด >>