แก้วมังกรเงินล้านของเกษตรกรตัวอย่าง-สกลฯ

แก้วมังกร กำลังเป็นผลไม้ที่นิยมปลูกในจังหวัดสกลนครเนื่องจากผลผลิตทำรายได้ให้ปีละ หลายแสนบาทถึงปีนี้ราคาต่อกิโลกรัมจะตกลงกว่าปีที่แล้ว แต่ยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดได้เป็นอย่างดี

เกษตรกร ตัวอย่าง เจ้าของสวนธนูทอง เล่าว่า บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ ของสวนธนูทอง บ้านหนองยาง ตำบลพังขว้าง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เต็มไปด้วยต้นแก้วมังกรที่เขียวขจี สลับกับสีชมพูอมแดงของผลแก้วมังกรที่กำลังสุกงอมรอการเก็บเกี่ยว กระจายอยู่เต็มพื้นที่ โดยมีคนงานกว่า 10 คน กำลังขะมักเขม้นตัดผลแก้วมังกรบรรจุลงตะกร้าและบรรทุกใส่รถ เพื่อนำไปคัดแยกผลเล็ก ผลใหญ่ และคัดแยกราคา จากนั้นจะนำไปวางจำหน่ายแก่ลูกค้าที่มารับซื้อถึงที่ โดยในแต่ละวันสามารถจำหน่ายได้ถึงกว่า 15 ตัน เนื่องจากมีราคาถูก กิโลกรัมละ 20-25 บาท เท่านั้น


นางฤกษ์ศกุนต์ นางาม อายุ 35 ปี เจ้าของสวนธนูทอง กล่าวว่า ที่สวนปลูกพืชหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นไม้ผล เช่น มะพร้าว มะปราง มะม่วง หน่อไม้ น้อยหน่า ฟักทอง และพืชตามฤดูกาล เรียกว่าเป็นเกษตรกรเต็มตัวเนื่องจากพ่อแม่มีอาชีพเกษตรกรมานานหลายสิบปี แต่เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ได้ปลูกแก้วมังกรอย่างจริงจัง พันธุ์ที่ปลูกมี 2 ชนิด คือ พันธุ์เวียดนาม และพันธุ์ไต้หวัน ปลูกในพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ นอกเหนือจากปลูกพืชอื่นๆ ปรากฏว่า ในปีแรกสามารถเก็บผลผลิตจำหน่ายได้กว่า 150 ตัน มูลค่าประมาณ 4 แสนบาท


เจ้าของสวนธนูทอง กล่าวด้วยว่า เมื่อก่อนนี้หากปีใดผลผลิตแก้วมังกรออกสู่ตลาดน้อยจะทำให้มีราคาแพงกิโลกรัม ละ 30-35 บาท แต่ปีนี้คาดว่าแก้วมังกรของไร่อื่นๆคงจะมีผลผลิตมาก ราคาที่กำหนดจึงอยู่ที่กิโลกรัมละ 20-25 บาท แล้วแต่ผลเล็กผลใหญ่ อย่างไรก็ตามในแต่ละปี จะเก็บแก้วมังกรตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ไปจนถึงเดือนตุลาคม เป็นเวลา 6 เดือน โดยจะเก็บได้ประมาณ 15-16 รุ่น ๆละ ประมาณ 15-20 ตัน ดังนั้นเมื่อเฉลี่ยแล้วจะเก็บผลแก้วมังกรจำหน่ายได้ปีละ 4-5 แสนบาท ซึ่งก็ถือว่าได้ผลคุ้มค่า


เจ้าของสวนธนูทอง ยังบอกด้วยว่าปีนี้ปุ๋ยมีราคาแพง โดยเฉพาะปุ๋ยที่ใส่แก้วมังกรในสวนของตนต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้นจึงต้องหาปุ๋ยมูลสัตว์มาเพิ่มเติมอีกเนื่องจากราคาถูกกว่า บวกกับหาง่ายในพื้นที่ เช่น ปุ๋ยขี้ไก่จะทำให้แก้วมังกรงอกงามมากกว่าปุ๋ยคอกอื่นๆ สำหรับปุ๋ยจากโคกระบือแม้ว่าจะใช้ได้แต่ไม่สะดวกในการนำไปใช้ เพราะมีน้ำหนักมาก ส่วนอื่นๆก็มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษากำจัดวัชพืช การว่าจ้างแรงงาน ส่วนน้ำนั้นไม่ต้องใช้มากและไม่ค่อยมีแมลงรบกวน หากปลูกแล้วหมั่นดูแลจะสามารถเก็บผลผลิตขายได้ทุกปี และยังสามารถตัดกิ่งไปเพาะชำขายพันธุ์ได้อีก 

www.krobkruakao.com/kkn/

ส่งความคิดเห็น