ฟาร์มเกษตร
ครบเครื่อง เรื่องปุ๋ยยา
ช่องทางการสั่งซื้อสินค้าจากฟาร์มเกษตร
1. โทรสั่งซื้อที่ 089-459-9003
2. แอดไลน์ไอดี PrimPB แชทสั่งซื้อ
3. สั่งทางเฟสปริม เฟสบุ๊คปริมคลิกที่นี่
4. สั่งผ่านะระบบตระกร้าสินค้า FKX.asia
5. สั่งผ่านเว็บลาซาด้า LAZADA.co.th
ทุกช่องทาง ชำระเงินขณะรับสินค้าที่บ้านคุณ
หมวด: เกษตรน่ารู้ | อ่านแล้ว 201385 คน | สั่งพิมพ์หน้านี้ | L

การเลี้ยงหมู : การเลี้ยงหมูต้นทุนต่ำ หมูหลุมดินชีวภาพ หมู เลี้ยงหมู

การเลี้ยงหมู ในปัจจุบัน มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากวิธีการเลี้ยงเปลี่ยนแปลงไปเป็นลักษณะเชิงการค้าค่อนข้างมาก

data-ad-format="autorelaxed">

การเลี้ยงหมูต้นทุนต่ำ

"หมูหลุมดินชีวภาพ"

 

โดย วิชิต  ถิ่นวัฒนากูล
ที่ปรึกษา มูลนิธิพะเยาเพื่อการพัฒนา

การเลี้ยงหมูในยุคปัจจุบัน นับว่ามีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากวิธีการเลี้ยงเปลี่ยนแปลงไปเป็นลักษณะเชิงการค้าค่อนข้างมากทำให้ ต้นทุนการผลิตสูง เนื่องจากต้องซื้ออาหารสำเร็จ หรือวัตถุดิบมาผสมเป็นอาหารในราคาค่อนข้างสูงมากเพราะส่วนผสมส่วนใหญ่ไม่ได้ นำมาจากภายในท้องถิ่น รวมทั้งวัตถุดิบบางส่วนก็เป็นสารเคมีซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีนักในการนำมาบริ โภคแม้ว่าจะยังไม่เห็นผลกระทบชัดเจนก็ตาม

นอกจากต้นทุนการผลิตที่สูงมากดังได้กล่าวแล้ว การเลี้ยงหมูในปัจจุบันยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมใน ชุมชนที่ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนค่อนข้างมาก เนื่องจากวิธีการ เลี้ยงแบบใหม่นั้นเร่งอัตราการเจริญเติบโตของหมูมากเกิน ทำให้เกิดการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ไปบางส่วน เนื่องจากหมูไม่สามารถย่อยอาหารที่กินเข้าไปได้หมด ทำให้ยัง มีกากอาหารเหลือออกมาและเน่าบูดส่งกลิ่นเหม็น แต่ที่ เราต้องเสียไปฟรี ๆ คือค่าอาหารที่หมูกินแล้วย่อยไม่หมด การเลี้ยงทั่วไปหมูอยู่บนพื้นแข็ง ทำให้อยู่ไม่สบาย ซึ่งเป็นส่วนที่เราไม่ควรจะต้องจ่ายเลยแม้แต่น้อย

จากการเข้ามาเผยแพร่ความรู้ของสมาคมเกษตรกรรมธรรมชาติประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นต้นกำเนิดคิดค้นและพัฒนาการใช้จุลินทรีย์ท้องถิ่น (Indigenous Micro Organism/IMO หรือที่เรารู้จักกันดีคือน้ำหมักชีวภาพ ที่ได้จากการหมักผัก/ผลไม้/เนื้อสัตว์กับน้ำตาลนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ การเกษตรเพราะเราสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางและได้ผล)จนเมื่อมาพบ กับปัญหาดังกล่าวข้างต้นทำให้มีความพยายามหาทางแก้ไข โดยเกษตรกรบางกลุ่มในเขตอำเภอเชียงคำ และอำเภอปง จังหวัดพะเยาได้นำเอาความรู้ที่ได้มาทดลองทำเมื่อ 3 – 4 ปีก่อน และกลุ่มผู้เลี้ยงหมูในจังหวัดชัยภูมิได้ไปศึกษาดูงาน และนำมาขยายผลต่อ ดังที่ท่านกำลังจะได้ศึกษาต่อไปนี้

หมูหลุมดิน ชีวภาพ ในการเลี้ยงหมูต้นทุนต่ำ หรือหมูหลุมดินชีวภาพนี้ สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ประมาณร้อยละ 70 เนื่องจากอาหารหลักที่ให้หมูกินคือผักนานาชนิด และอาหารสำเร็จ หรืออาหารผสมเพียง ร้อยละ 30 เท่านั้น จึงสามารถลดต้นทุนลงได้อย่างมาก ขณะที่หมูมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับหมูที่เลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จเพียง อย่างเดียว สิ่งที่แตกต่างกันอย่างมากคือกำไรที่ผู้เลี้ยงจะได้รับ เพราะต้นทุนต่ำมาก เพราะประหยัดค่าอาหาร ค่าน้ำล้างคอก อีกทั้งยังได้ปุ๋ยหมักอย่างดีไปใส่นา หรือสวนได้โดยไม่ต้องกลับกองให้เหนื่อยอีกขณะเดียวกันหมูที่เลี้ยงก็ไม่มี อาการเครียด หรือส่งเสียงร้องสร้างความรำคาญเพราะพื้นคอกเป็นแกลบผสมดินที่มีความอ่อน นุ่ม เวลาหมูเดิน หรือนอนก็ไม่เจ็บ และสามารถขุดคุ้ยเล่นได้ตามสัญชาติญาน สิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งคือ การเลี้ยงแบบนี้ไม่มีกลิ่นมารบกวนเลยแม้จะเข้าไปอยู่ในคอกหมูก็ยังไม่ได้ กลิ่น เนื่องเพราะจุลินทรีย์ที่ผสมเข้าไปให้หมูกิน และที่ใช้ราดวัสดุพื้นคอกนั่นเอง

การเตรียมคอก การเลี้ยงแบบเดิมจะเป็นพื้นราดปูนแข็ง เพื่อง่ายแก่การทำความสะอาด ซึ่งทำให้หมูเครียดเพราะอยู่ไม่สบาย แต่การเลี้ยงแบบนี้จะเป็นพื้นอ่อน และโรงเรือนจะต้องสัมพันธ์กับจำนวนหมู โดยให้มีขนาดคอกกว้าง 2 X 6 เมตร สามารถเลี้ยงได้คอกละ 9 ตัว เริ่มด้วยการขุดพื้นคอกลึกลงไป 90 เซนติเมตร (หรือขุดเพียง 45 ซม. แล้วเอาดินที่ขุดขึ้นมานั้นถมด้านข้างก็จะได้ความลึก 90 ซม.) ในการมุงหลังคานั้นควรให้ตีนชายคากว้างกันไม่ให้น้ำฝนสาดเข้ามาในคอก และเมื่อตีฝาคอกแล้ว ต้องใช้อิฐบล็อกหรือไม้ไผ่กั้นรอบ ๆ คอกลึกลงไปจากพื้นดินประมาณ 40 – 50 เซนติเมตร เพื่อกันไม่ให้หมูขุดออกนอกคอกได้ (การกั้นฝาคอกควรติดตั้งประตูปิด-เปิดได้ไว้ เพื่อความสะดวกในการนำหมูเข้า–ออก) สิ่งที่ต้องคำนึงก็คือบริเวณที่จะสร้างคอกไม่ควรเป็นพื้นที่ต่ำน้ำท่วมขัง และควรเป็นที่ร่มใต้ต้นไม้มีอากาศถ่ายเทได้ดี เพราะหมูเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบอากาศร้อน

การเตรียมวัสดุพื้นคอก เมื่อขุดหลุมเสร็จ ก็ปูพื้นคอกโดยใช้แกลบ 10 ส่วน ผสมดินละเอียด 1 ส่วน เทลงก้นหลุมที่ขุดไว้ให้มีความหนา 30 ซม. แล้วใช้เกลือเม็ด 1 ถ้วยตราไก่ หรือประมาณครึ่งลิตรโรยหน้า แล้วใช้น้ำหมักชีวภาพ 2 ช้อนแกงผสมน้ำ 1 บัว (10 ลิตร) ราดให้ทั่ว ทำเหมือนเดิมอีก 2 ชั้นจนเท่าระดับพื้นดิน ช่วงนี้วัสดุพื้นคอกจะยังร้อนจากการทำงานของจุลินทรีย์ ทิ้งไว้ประมาณ 10 วันจึงนำหมูเข้าอยู่ได้ และควรราดน้ำหมักชีวภาพลงบนพื้นคอกเพิ่มเติมอีกทุก ๆ 5-7 วัน ครั้งละ 1 บัว ภายหลังจากเริ่มเลี้ยงหมูแล้ว เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยสลายสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ

การเลี้ยงหมูหลุม การให้อาหารและน้ำ อาหารผสม หรืออาหารสำเร็จที่เคยให้เป็นหลักนั้นจะต้องลดลง เหลือเพียงประมาณร้อยละ 30 เช่น เราเคยให้ตัวละ 2 กก. ต่อวัน ก็จะต้องเหลือแค่ตัวละ 6 ขีด ต่อวัน ส่วนอาหารที่จะให้หมูกินเป็นหลักคือผักที่มีอยู่ตามธรรมชาติทั่วไป เหมือนการเลี้ยงในสมัยก่อน เช่น หยวกกล้วย ผักเบี้ย ผักขม ผักตบชวา ยอดกระถิน ยอดข้าวโพด ใบมัน ฯลฯ โดยนำมาหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วแช่ในน้ำที่ผสมน้ำหมักชีวภาพไว้นานประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง ซึ่งใช้สูตรเดียวกับน้ำที่ให้หมูกิน คือผสมน้ำหมักชีวภาพกับน้ำ ในอัตราส่วนตั้งแต่ 1 ต่อ 1,000 สำหรับหมูเล็ก, 1 ต่อ 800 สำหรับหมูรุ่นและ 1 ต่อ 500 สำหรับหมูใหญ่ หรือหมูพ่อ-แม่พันธุ์ (น้ำ 1 ปี๊บ มี 20 ลิตร หากเป็นหมูเล็กผสมแค่ 2 ช้อนโต๊ะ,หมูรุ่น ผสม 3 ช้อนโต๊ะ, หมูใหญ่ ผสม 4 ช้อนโต๊ะ)

การป้องกันโรค เนื่องจากการเลี้ยงหมูแบบต้นทุนต่ำนี้ มีน้ำหมักชีวภาพซึ่งมีจุลินทรีย์ และวิตามินจากผักเป็นตัวหลักในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหมู แต่หากอาหาร หรือน้ำไม่สะอาดพอ หมูอาจมีอาการท้องเสีย หรือขี้เหลวได้ (ซึ่งปกติไม่ค่อยเกิดบ่อยนัก) ต้องรักษาโดยนำใบผรั่งสด ใบฟ้าทะลายโจรสด และเถาบอระเพ็ดเอาให้หมูกิน รวมทั้งจะต้องหาว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เช่น อาหารและน้ำอาจไม่สะอาดพอ ก็ต้องปรับปรุงแก้ไขใหม่ นอกจากนี้ควรใช้มุ้งเขียวคลุมคอกเพื่อกันยุงตั้งแต่เย็นถึงเช้า แต่หากเป็นพื้นที่ที่มีตัวริ้นชุกชุม (โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน) ควรนำเอาตะไคร้หอมมาทุบแช่น้ำ แล้วฉีดพ่นให้หมูในช่วงหัวค่ำ (ระวังอย่าให้เข้าตา) เนื่องจากตะไคร้หอมมีสรรพคุณช่วยไล่แมลงได้เป็นอย่างดี


อ่านเรื่องนี้แล้ว : 201385 คน £




ความคิดเห็นจากผู้อ่าน:

ธนกฤต สุวรรณเทพ
[email protected]
ดีมากแตควรตอบทุกคำถาม
29 เม.ย. 2555 , 12:17 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ภัทรนันท์
[email protected]
สนใจมากค่ะ มีที่อยู่จ.น่าน 1งานกว่าๆถมดินไว้เตรียมเลี้ยงหมูหลุม แต่ยังไม่ได้ไปดูงานที่ใหน ศึกษาจากเน็ตล้วนๆ ถ้าพบปัญหาในการเลี้ยงรบกวนขอคำปรึกษาด้วยนะคะ ขอบคุณไว้ล่วงหน้าค่ะ
28 มี.ค. 2555 , 10:08 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ส.อ.เพิ่มศักดิ์ ใจทน
[email protected]
ผมอยู่ชายแดนภาคเหนื่อ แถวปางมะผ้า  อยากจะแนะนำให้ ชาวบ้านเลี้ยงหมูหลุม สร้างอาชีพให้ชาวบ้าน ให้มีรายได้เสริม จากปกติทำเกษตรปลูก
ถั่วแดง ถั่วแขก ซึ่งต้องใช้พื้นที่ในการปลูกเยอะมาก ตอนนี้ป่าไม้และพื้นที่ราบแทบไม่เหลือ หากชาวบ้านได้มีความรู้เรื่องหมูหลุมและเลี้ยง คงจะไม่ต้องตัดป่าไม้ถากถางพื้นที่เพิ่ม. ผมจะพาชาวบ้านไปอบรมเลี้ยงหมูหลุมได้จากที่ไหนครับ .

23 ม.ค. 2555 , 08:58 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

บิ๋ม
[email protected]
อยากจะลองเลี้ยงดูค่ะเผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้นบ้าง เเต่ไม่ทราบวิธีการเลี้ยง ทุกวันนี้ต้นทุนในการเลี้ยงหมู่ก็เพิ่มสูงขึ้นมาก อยู่บ้านเฉย ๆ ไม่มีรายรับก็อยากลองเลี้ยงดูค่ะยังไงถ้าใครมีวิธีการเลี้ยง เเละก็ประหยัดเหมาะสำหรับคนที่กำลังจะเลี้ยงหมู่ (มือใหม่หัดขับ)ก็ส่งข้อมูลมาให้ดูด้วยน่ะค่ะขอบคุณมากล่วงหน้าค่ะ
02 พ.ค. 2554 , 01:17 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ภูวดล
[email protected]
กรณีท้องเสียที่เกิดขึ้นในฟาร์ม อย่างเรื้อรังนะครับ

แนะนำตามประสบการณ์ละกัน

1. ดูที่แม่หมูก่อนครับว่าเป็นเต้านมอักเสบไหม ถ้าเป็นสังเกตุโดย ดูที่เต้านมจะร้อนผิดปกติ ลักษณะสีแดง ๆ และแข็ง หากลูกหมูกินนมแม่ซึ่งเป็นนมจากเต้าอักเสบรับรองท้องเสียแน่ล่ะครับ ก็คือต้องฉีดยาให้แม่เพื่อจะผ่านตัวยาไปทางน้ำนมให้ลูกด้วยครับ (หมั่นสังเกตุนะครับ)
2.ลูกหมูที่ท้องเสียขณะดูดนมแม่ใหม่ ๆ และยังหัดกินกล้วยฝาด ไม่ได้ ต้องหมั่นเปลี่ยนน้ำและหมั่นเก็บมูล(ขี้) ของแม่หมูบ่อย ๆ ไม่งั้นเจ้าลูกหมูจะไปกัดกินเล่น ก็ท้องเสียอีกตามเคย

3.สภาพแวดล้อม อย่าให้คอกชื้นครับ ไม่ร้อน ไม่อบ อากาศถ่าเทดี กลางคืนกกไฟให้เหมาะสมหากระสอบมารอง เป็นฟางข้าวยิ่งดีเพราะเปลี่ยนออกทิ้งได้ง่ายไม่ต้องซัก

4.ขาดไม่ได้เรื่องน้ำดื่มต้องสะอาดครับ ผสมน้ำหมักชีวภาพก็ได้แต่สัดส่วนต้องเจือจางหน่อยนะครับ ประมาณ 1 ส่วน ต่อน้ำ 1000 -1200 ครับ ง่าย ๆ ก็เอาหลอดฉีดยาดูดน้ำหมัก 1 cc.ผสมน้ำ 1 ลิตร ล่ะครับ

สาเหตุที่ต้องดูแลเรื่องท้องเสียในลูกหมูให้มากเพราะ ลำไส้หมูเป็นส่วนที่สำคัญมากต่อการเจริญ เพราะเป็นส่วนที่ดูดซึมสารอาหารไปใช้ในร่างกาย หากลูกหมูตัวไหนท้องเสียขึ้นแล้ว (แม้ว่าจะเป็นครั้งเดียว) ก็จะไม่มีวันโตดีเท่าลูกหมูปกติที่ไม่เคยท้องเสียครับ เพราะระบบของผนังลำไล้และส่วนที่ยื่นออกมาคล้ายเส้นขนขนาดเล็กเรียกว่า ไมโครวิลไล (Microvilli) ที่ทำหน้าที่ช่วยเพิ่มพื้นที่การดูดซึมนั้นเสียหายไปแล้ว

ทางที่ดีครั้งต่อไป ควรกันไว้ดีกว่าแก้ นะครับ ถ้าไม่จำเป็นอย่าใช้ยาปฏิชีวนะเลยครับ
เพราะ หากใช้ไม่ถูกวิธีและไม่ต่อเนื่อง หรือไม่หายขาด การดื้อยาก้จะเกิดฉีดเอา ๆ สุดท้ายหมูก็ไม่รอด
ขอให้โชคดีนะครับ

ช่วงลูกหมูเริ่มกินอาหารเม็ดได้ให้เริ่มฝึกกินกล้วยฝาดหวาน ๆ เลยครับ กินฝรั่งฝาด ๆ หวาน ๆ ด้วยก็ได้ครับ
15 ก.พ. 2554 , 01:41 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

สากล
[email protected]
K.ภาวดี
ลูกหมูท้องเสีย คงต้องฉีดยาแก้ลำใส้อักแสบ หรือให้กินกล้วยดิบด้วย ช่วยแก้เรื่องท้องเสียดีครับ แต่ถ้าเสียรุนแรงก็ต้องใช้ยาปฏิชีวนะแล้วครับ
15 ก.พ. 2554 , 12:13 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ภาวดี
[email protected]
โอ้นี่ แหละตรงประเด็นเลย ที่บ้านเลี้ยงแม่พันธ์ ออกลูก แล้ว ตอนนี้มีลูกหมูที่ยังไม่ได้ขายเหลืออยู่ 25 ตัว ท้องเสีย ใกล้ตายแล้ว 1 ตัว ซึ่งที่บ้านเจอกับปัญหาแบบนี้แล้วแก้ไขมีกไม่หาย แก้ยังไง หมูก็ยังท้องเสียอยู่ดี ได้ความรู้แบบนี้ขอบคุณมากเลยคะ อีกไม่กี่เดือนก็จตะลงแม่พันธ์อีก 20 ตัวใครมีอะไรแนะนำ บอกได้นะคะ และขอขอบคุณล่วงหน้าเลยนะคะ
15 ก.พ. 2554 , 12:00 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

วรวรรณ
[email protected]
เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ เพราะตอนนี้ก็เริ่มเลี้ยงหมูหลุมแล้วไปดูแบบจากเขื่อนดิน (อุตรดิตถ์) วัสดุพื้นคอกใช้แกลบ มูลสัตว์ รำ และ EM ใช้อาหารสำเร็จรูปในการเลี้ยง อยากลดต้นทุนค่าอาหาร บ้านอยู่เชียงรายค่ะ อยากไปดูวิธีการหมักอาหารเลี้ยงหมูและ ความรู้เรื่อง EM ต้องติดต่อไปที่ไหนค่ะ
31 ม.ค. 2554 , 01:22 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

โชคชัย สารากิจ
[email protected]
ในฐานะที่เริ่มหมูหลุมคนแรกเมื่อ13ปีที่แล้ว ผมดีใจที่มีคนสนใจมากขื้น มีเกษตรกรมากกว่าหมึ่นคนเข้ารับการอบรม และคนต่างประเทศกว่าร้อยคน ในจำนวนนี้คุณสกล ให้ความสนใจพิเศษมากและลงมึอทำงานด้วยตนเอง จนถึอว่าเชี่ยวชาญสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ได้เป็นอย่างดี ขอสนับสนุนให้ท่านเริ่มต้นด้วยจำนวนน้อยหาประสบการณ์ก่อน โชคดีนะครับ
20 ม.ค. 2554 , 06:29 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ภูวดล
[email protected]
ที่ว่าแมลงวันเยอะ
คงเป็นแบบที่บิน ไต่ตอมสร้างความรำคาญ
ต้องสังเกตุนะครับว่ามันมาตอมอะไร เพราะปกตินี่ ไม่ค่อยมีให้เห้นนะ ผมว่าน่าจะต้องดูแหล่งที่แมลงวันแพร่พันธุ์แล้วหล่ะครับ
ถ้าไม่พบแหล่ง ก็ทำเครื่องดักแมลงวันจากขวดน้ำ ใส่กะปิล่อไปเลยครับ จับง่ายดาย
สบาย ๆ ปกติแมลงวันจะมีมากในเล้าไก่ยืนกรงเพราะมูลไก่จะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ หนอนแมลงวันเป็นอย่างดี

เพิ่มเติมเรื่องอาหารหมักนะครับ
การทำอาหารหมัก จุดประสงค์หลัก ๆ คือ
1.เพิ่มความน่ากิน จากรสชาติ และกลิ่นส้มๆ นั่นเอง
2.ช่วยให้พืชอาหารที่มีเยื่อใยเคี้ยวง่ายขึ้นเพราะผนังเซลล์พืชแข็งมาก
การได้กรดซิตริกอ่อน ๆ มาช่วยย่อยจะทำให้ สัตว์กินได้มากขึ้น และนำโภชนะบางอย่างไปใช้ได้มากขึ้นเช่น แป้งและโปรตีนที่แทรกอยู่ตามต้นพืช
3.ช่วยในการเก็บรักษาพืชได้นานขึ้นและไม่เน่าเสียทิ้งไปหากกองไว้ในสภาพแวดลอมปกติ
4.เป้นการปรับปรุงเพิ่มคุณค่าของพืชที่มีโภชนะต่ำหลายๆตัวเช่นฟางข้าว หญ้า รวมถึงใบพืช
5.ช่วยกระตุ้นระบบย่อยในสัตว์
22 ธ.ค. 2553 , 10:44 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

สากล
[email protected]
ออ..เรื่องอาหารหมักมีสารอาหารน้อยหรือเปล่า ตอบว่ามีแต่ไม่มากครับ เพราะอาหารหมักเป็นการเพิ่มปริมาณอาหารให้หมูกินอิ่มในแต่ละมื้อ ซึ่งเราเชื้อว่าการให้อาหารแบบฟาร์มหรือกินตลอดทั้งวัน ร่างการหมูไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสารอาหารที่กินได้หมด ทำให้มีความสิ้นเปลื่อง และอาหารหมักเป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อจุลินทรีย์ที่ได้จากการหมักและมีประโยชน์ต่อระบบการย่อยของหมู จึงทำให้มลูไม่มีกินแรง เป็นที่รบกวนมนุษย์ แต่หมูจะโตได้ดีอยู่ที่สูตรการผสมอาหารว่ามีสารอาหารพอเพียงหรือไม่
ส่วนเรื่องสูตรอาหารนั้น ขอแนะนำเพื่อนสมาชิกว่า ควรศึกษาเชิงวิชาการว่าหมูแต่ละขนาดมีความต้องการสารอาหารอะไรบ้าง และนำไปดัดแปลงให้เหมาะสมกับท้องถิ่นของตน โดยคำนึงถึงต้นทุนค่าอาหาร ว่าสิ่งใดจะประหยัดมากกว่ากัน
22 ธ.ค. 2553 , 12:17 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

สากล
[email protected]
คุณศรัณย์พร
ถามว่าแมลงวันเยอะเอาน้ำหมักราดก็ไม่หาย ผมว่าน่าเป็นแมลงวันจากแหล่งใกล้เคียงหรือเปล่า เพราะน้ำหมักไม่ใช่ยาไล่แมลงวันนะครับ แต่นำหมักจะทำให้หนองแมลงวันอ้วน และไม่เป็นตัวแมลง มีมากๆใช้เลี้ยงไก่ หรือเลี้ยงปลาได้นะ อย่าไปรังเกียจ หนองก็เป็นอาหารสัตว์ชนิดหนึ่ง

22 ธ.ค. 2553 , 12:03 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

หนุ่มพิโลกครับ
[email protected]
ผมอยากลองเลี้ยงบ้างครับแต่ขาดความรู้ ได้แต่ศึกษาจากเวบแต่ก้อได้ความรู้เยอะมากครับกะว่าจะเลี้ยงสัก 5 ตัวก่อน กลัวอาหารไม่พอ เลยอยากจะถามขนาดคอกและราคาลูกหมูว่าประมาณเท่าไร และพันธ์ไหนเลี้ยงแล้วดีเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของพิษณุโลกครับ ช่วยตอบหน่อยนะครับ เกษตรกรมือใหม่ ขอบคุณครับ
20 ธ.ค. 2553 , 07:38 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

นุวัตธ์ นาคคำ
[email protected]
ขอขอบคุณคำแนะนำของทุกท่านผมจะกลับไปเลี้ยงที่บ้านนอก จะได้กลับไปอยู่กับลูกเมียตอนนี้ทำงานเป็นยามที่ กทม ครับ
20 ธ.ค. 2553 , 01:40 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ศรัณย์พร
[email protected]
ตอนนี้ได้เลี้ยงหมูหลุมแล้วค่ะ เลี้ยงสองรุ่น กำลังขยายรุ่นที่สาม เลี้ยงรุ่นละ 10 ตัว แต่มีข้อสงสัยค่ะ รุ่นแรกกินอาหารหมักแล้วค่ะ แล้วมันขี้เยอะมาก ทำให้มีแมลงวันเยอะ ใช้น้ำหมักราดก็ยังไม่หาย จะทำยังไงดีค่ะ แต่ไม่มีกลิ่นของขี้หมูนะค่ะ แล้วอาหารหมักค่ะ ดิฉันเอาแค่หยวกกล้วยกับมะละกอแค่สองอย่างทำการหมักมันมีสารอาหารน้อยไปหรือป่าวค่ะ ที่ดีควรเพิ่มอะไรหรือแค่นี้เพียงพอแล้วค่ะ เหมือนกับน้องหมูมันผอมลงหรือป่าวค่ะ หรือว่าดิฉันคิดไปเองค่ะ
ขอบคุณค่ะ
19 ธ.ค. 2553 , 01:09 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ภูวดล
[email protected]
ใช้ทดแทนได้บางส่วนตามความเหมาะสมครับ
ส่วนวิธีป้องกันความชื้นสะสมคืออย่าด่วนรองพื้นคอกทีเดียวจนสูง 90 -100 ซม.
แต่ค่อย ๆใส่ทีละ 20-30 ซม.ครับ พอเริ่มพื้นคอกชื้นก็เริ่มเติมแกลบครับโดยอาจจะทยอยตักออกบ้างตามสมควร...เพราะมิเช่นนั้นด้านบนก็จะแฉะลอยเป็นชั้นอยู่ไม่สามารถกระจายลงไปด้านล่างได้สะดวก (และควรสำรองไว้ตามที่คุณสากลว่า)

ทั้งนี้ทั้งนั้น แล้วแต่สภาพการเลี้ยงจริง ณ ฟาร์มของคุณเองครับ หมั่นสังเกตุและศึกษา เพื่อการประยุกต์ สิ่งที่ดีกว่าให้ตนเองครับผม
13 ธ.ค. 2553 , 07:19 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

สากล
[email protected]
คุณศิริลักษณ์
ถ้ามีฟางข้าวมากๆ ตอนเตรียมคอกที่มีความลึก 90-100 ซม.นั้น ผมจะใส่ฟางข้าวขั้นแรก ให้หนาสัก 60 ซม. แล้วใส่แกลบปิดด้านบน เพื่อลดความหนาของแกลบได้บ้าง แต่ถ้าในท้องถิ่นหาแกลบไม่ได้เลย ผมว่าจะมีปัญหาในช่วงฤดูฝนนะครับ เพราะเราควรมีสำรองเพื่อเต็มให้หมู ตอนพื้นคอกแชะมากๆ หรือวัสดุมันยุบลงเป็นปุ๋ยนะครับ และข้อดีของฟางข้าวนั้นมีเชื้อราขาวอยู่มากด้วยนะ
13 ธ.ค. 2553 , 06:03 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ศิริลักษณ์
[email protected]
ใช้ฟางแทนแกลบได้ไหมค่ะ
11 ธ.ค. 2553 , 06:12 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

แผ่นดิน
[email protected]
ขอบคุณทุกคนมากครับที่ให้ความรู้
30 พ.ย. 2553 , 11:19 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ส่งความคิดเห็น



เลือกหมวด :

แสดงเนื้อหารวมจากทุกหมวด, สินค้าเกษตร, ไอเดียและเทคโนโลยีเกษตร, รวม VDO เด่นจาก FK, นาข้าว, เศรษฐกิจเกษตร, ภาพถ่ายเกษตร, ไร่อ้อย, มันสำปะหลัง, ยางพารา, ปาล์มน้ำมัน, ไร่ข้าวโพด, ผักและการปลูกผัก, การปลูกพืช, ไม้ผล ไม้ยืนต้น, เกษตรน่ารู้, สมุนไพร, ไม้มงคล, พุทธศึกษา, FK Talk, สุขภาพ, การใช้ SUN กับพืชต่างๆ, แอพฯด้านเกษตร, ไม้ดอก ไม้ประดับ, องค์กรด้านเกษตร, ซื้อขายที่ดิน, ห้องปศุสัตว์, ประมง, เกษตรกรตัวอย่าง, ฟาร์มเกษตรพาเที่ยว, FK Freestyle, Agri live update, ออแกนิกส์, จักรกล, อุปกรณ์การเกษตร, ไร่กาแฟ,


แสดงทั้งหมดใน [เกษตรน่ารู้]:
พืชที่ขาด ธาตุสังกะสี ต้นจะแคระ ใบเล็ก พืชที่ขาดธาตุเหล็ก ใบจะเหลือง และโตช้า
ปลูกพืชข้ามแล้ง พืชไม่กินปุ๋ย ต้นแคระ ใบเหลือง และใบร่วง และมักเกิดโรคระบาดในแปลงปลูกในช่วงหน้าหนาว
อ่านแล้ว: 9164
ดูแลพืช แก้ปัญหาพืชที่ไม่กินปุ๋ย ใบเหลือง ไม่แข็งแรง
ในระยะเร่งโตปุ๋ยกินทางใบ มีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งธาตุหลัก ธาตุรอง และธาตุอาหารเสริมเข้มข้น ด้วยสูตรพิเศษ
อ่านแล้ว: 7490
แนะใช้ ไตรโคเดอร์มา แก้โรคพืชในพริกไทย
สำหรับเชื้อราไตรโคเดอร์มา เป็นเชื้อราชั้นสูงที่ดำรงชีวิตอยู่ในดิน อาศัยเศษซากพืช ซากสัตว์และอินทรียวัตถุเป็นแหล่งอาหาร
อ่านแล้ว: 7561
เก็บไม่ทันขาย-รายได้งาม! หลินจือแดง บ้านเกาะใหญ่ ออร์เดอร์ล้นเกินปีใหม่
พัฒนาเห็ดหลินจือแดงไปอีกขั้น โดยนำเห็ดหลินจือแดงสดที่ตากแห้งส่งให้ มอ.หาดใหญ่ตรวจเพื่อยื่นเรื่องขอ อย.
อ่านแล้ว: 7895
สารคามติวเข้มเกษตรกร รู้ทันเล่ห์พ่อค้าโกงตาชั่ง ระบาดหนักสุดในภาคอีสาน!
เผยมีเครื่องชั่งไฟฟ้าที่ใช้รับซื้อข้าวเปลือก ยางพารา แอบใช้รีโมตกำหนดน้ำหนักเองได้ กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 300 เครื่อง
อ่านแล้ว: 6880
เพาะเลี้ยง ไข่น้ำ อาหารปลาราคาถูก
คนอีสานรู้จักผำมาแต่โบราณ เอาทำกับข้าว ผัดใส่ไข่เจียว แต่รู้จักเอามาจากธรรมชาติ โดยเฉพาะในหน้าฝนเกิดขึ้นมาก แต่..
อ่านแล้ว: 8145
เปิดวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ข้าว ทุเรียน ปาล์ม แนะเกษตรกรวางแผนเก็บกักน้ำ ใช้ให้เหมาะกับพื้นที่
บูรณาการศึกษาวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ ของการผลิตข้าวหอมมะลิ การผลิตข้าว กข การผลิตทุเรียน และการผลิตปาล์มน้ำมัน
อ่านแล้ว: 7372
หมวด เกษตรน่ารู้ ทั้งหมด >>