ฟาร์มเกษตร
ครบเครื่อง เรื่องปุ๋ยยา
ช่องทางการสั่งซื้อสินค้าจากฟาร์มเกษตร
1. โทรสั่งซื้อที่ 089-459-9003
2. แอดไลน์ไอดี PrimPB แชทสั่งซื้อ
3. สั่งทางเฟสปริม เฟสบุ๊คปริมคลิกที่นี่
4. สั่งผ่านะระบบตระกร้าสินค้า FKX.asia
5. สั่งผ่านเว็บลาซาด้า LAZADA.co.th
ทุกช่องทาง ชำระเงินขณะรับสินค้าที่บ้านคุณ
หมวด: สุขภาพ | อ่านแล้ว 14173 คน | สั่งพิมพ์หน้านี้ | L

โรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน

สังเกตุคนใกล้ชิดก่อนสายเกินไป คุณพ่อของผมเกือบเสียชีวิตด้วยสาเหตุนี้ ทั้งที่ดูเหมือนเป็นปกติ เมื่อรู้ทันก็รักษาหายเป็นปกติ

data-ad-format="autorelaxed">

--------- ส่วนที่ 1 บรรยายจากเหตุการณ์จริง ที่ได้เผชิญ

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย คุ้มครองให้ทุกคน และพ่อแม่ญาติพี่น้องของทุกคน ได้โชคดีเหมือนคุณพ่อของผม

โรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน Acute Coronary Syndrome

เรื่องที่ผมจะเขียนบอกเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง กับคุณพ่อของผม และผมได้อยู่ในเหตุการณ์ตลอดเวลา จนการรักษาได้เสร็จสิ้น แต่เรื่ององค์ความรู้ทางการแพทย์ ผมอาจจะถ่ายทอดในลักษณะที่คนทั่วไป ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้มองเห็น ไม่ได้เป็นลักษณะทางวิชาการ การแพทย์ เนื่องจากผมเองไม่มีความรู้ในด้านนี้

 

อีกเรื่องหนึ่ง ผมคาดเดาว่า หลายๆคน ที่ดูแข็งแรงเป็นปกติดี นอนหลับแล้วเสียชีวิตไปเลย หรือ แค่แน่นหน้าอกก่อนนอน และเสียชีวิตทันทีในตอนเช้า อาจจะมีสาเหตุมาจากโรคนี้ ก็เป็นไปได้ครับ เพราะโรคนี้ คุณพยาบาลบอกว่า เป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับสามเลยก็ว่าได้

 

อยากให้ทุกคน ลองสังเกตุอาหารของคนใกล้ตัว เนื่องจาก อาการที่บ่งบอกเพียงเล็กน้อย อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากคนใกล้ตัวของผม มีคนหนึ่งเป็นโรคหัวใจเฉียบพลัน (Acute Coronary Syndrome) และอีกคนหนึ่งเป็นโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ทั้งสองคนใกล้ตัวผมนี้ คนหนึ่งเป็นคุณพ่อ และอีกคนหนึ่งเป็นภรรยา ทั้งโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง ไม่มีใครแสดงอาการอ่อนแอเหมือนเป็นโรคร้ายก่อนที่จะเกิดอาการอย่างเฉียบพลันเลย อาการที่เห็นคือ แข็งแรง และทำกิจกรรมทุกอย่างได้ อย่างเช่นคนปรกติ แต่เมื่อเกิดอาการแล้ว จะเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต หรือเป็นอัมพาตขยับตัวไม่ได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

 

เรื่องราวของคุณพ่อของผม ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2557 ท่านอายุ 68 ปี จะครบ 69 ในเดือนธันวาคม คุณพ่อผมทำงานตามปกติ งานของท่านคือทำสวนหย่อม ปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้านสวน ที่พักอาศัยอยู่ เป็นงานอดิเรก แต่ในวันนี้ รู้สึกไม่ปกติ รู้สึกเหนื่อยเร็ว และแน่นหน้าอกมาก เลยกลับเข้าบ้าน นอนพัก และดูรายการ TV สักประมาณ หนึ่งชั่วโมงก็หายเป็นปกติ เดินออกไปทำงานต่อ เพราะท่านไม่ชอบอยู่เฉยๆ แต่พอทำงานได้ครู่เดียว ก็รู้สึกแน่นหน้าอกอีก เลยต้องกลับมาพัก แต่การหายใจเป็นปกติดี การหายใจเข้าออกสะดวก ท่านเองก็คิดว่า ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย ซึ่งตอนนี้ ยังไม่รู้สาเหตุ และปลอยละเลยไม่ยอมไปโรคพยาบาล (จริงๆแล้วคาดว่าหลอดเลือดหัวใจ น่าจะเริ่มตีบตันแล้ว แต่อาจจะไม่ถึง 100% เลยเป็นๆหายๆ)

 

วันที่ 11 พฤษภาคม 2557 ตอนเช้าท่านขับรถมอเตอร์ไซต์ไปซื้อกับข้าว กลับมาถึงบ้าน รู้สึกแน่นหน้าอกเล็กน้อย แต่พักครู่เดียวก็หาย ท่านจึงขับรถยนต์จากบ้านในตัวเมือง ไปที่บ้านสวนตามปกติ ที่ไปทุกวัน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ผมกำลังบินกลับจากพม่า และต่อเครื่องมาอุบลราชธานีเพื่อเดินทางกลับจังหวัดอำนาจเจริญ วันนี้คุณพ่อรู้สึกแน่นหน้าอก เป็นๆหายๆ หลายครั้งในหนึ่งวัน ท่านยืนยันว่าไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน "พ่อไม่เป็นอะไรมากแค่แน่นหน้าอก" ท่านบอกกับคุณแม่ของผม แต่ก็ยังไม่ได้ไปโรงพยาบาล

 

วันที่ 12  พฤษภาคม 2557 ราว 10:30 น. ในขณะที่คุณพ่ออยู่ในบ้านสวนตามปกติ ท่านโทรกลับมาหาคุณแม่ ที่บ้านในตัวเมืองอำนาจเจริญ ว่าพ่อจะขับรถไปหาหมอสักหน่อย แน่นหน้าอกมาก ไม่ไหวแล้ว คุณแม่ผมเลย โทรหาผมบอกให้ไปรับคุณพ่อไปส่งโรงพยาบาล เนื่องจากคิดว่าไม่น่าจะปกติ เนื่องจากคุณพ่อของผมไม่เคยคิดจะเข้าโรงพยายาบาลเลย แต่ตอนนี้ คิดจะขับรถไปเอง น่าจะไม่ปกติมากๆ (คุณพ่อของผมน่าจะไม่เคยไปโรงพยาบาลเลย ในช่วง สิบกว่าปีมานี้) ตอนนั้นผมกับภรรยา กำลังขับรถออกจากบ้าน เพื่อจะไปหาอะไรทานพอดี เลยเลี้ยวรถไปรับคุณพ่อที่บ้านสวน เมื่อไปถึง คุณพ่อก็กับลังเก็บรถเข้าบ้าน และปิดประตูรอผม ดูภายนอกเหมือนท่านปกติดี

 

ระหว่างขับรถไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งห่างประมาณ 6 กิโลเมตร จากบ้านสวน ก็ถามอาการว่า เป็นอย่างไรบ้าง คุณพ่อตอบว่า รู้สึกแน่นหน้าอก เหมือนมีอะไรมาทับ ผมถามว่าแน่นมากขนาดไหน คุณพ่อตอบว่า บางทีก็มาก ตอนนี้เบาลงแล้ว ถามว่าหายใจสะดวกมั้ย ก็ตอบว่า ปกติ ไม่เป็นอย่างอื่น แน่นหน้าอกอย่างเดียว ภรรยาผมบอกว่า จอดตรงส่วนฉุกเฉินดีกว่า เพราะพ่อไม่เคยป่วย กลัวไม่ปลอดภัย แต่หน้าตาอาการก็ดูปกติดี

 

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดอำนาจเจริญ เข้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลสอบถามอาการเบื่องต้น ถามว่า อาการแน่นหน้าอก ถ้าปวดที่สุดในชีวิตเท่ากับ 10 ตอนนี้พ่อปวด อยู่ในระดับเท่าไหร่ พ่อผมตอบว่า 8 ตอนนั้นผมก็ดูอยู่ใกล้ๆ แต่ยังไม่รู้เรื่องอะไร พยาบาลวัดการเต้นของหัวใจ สักครู่หนึ่งก็เข็นเตียงของคุณพ่อ จากห้องฉุกเฉิน เข้าไปในห้อง ป่วยหนัก ผมก็ยังไม่ทราบเหตุการ ตอนนี้คุณพ่อผม มีอุปกรณ์ติดตัวมากกว่าคนอื่นๆแล้ว มีสายโยงจากหน้าอกเพิ่มอีกสามเส้น มีสายน้ำเกลือ มีวัดความดันโลหิต ผมสังเกตุดูตัวเลขการเต้นของหัวใจ ของคุณพ่อผม อยู่ที่ราวๆ 45-50 ครั้งต่อนาที ทั้งที่พ่อผมยังพูดคุยโต้ตอบได้อย่างเป็นปกติ และยืนยันว่าไม่เป็นไร แค่เจ็บหน้าอกเท่านั้น ซึ่งท่านก็ไม่รู้ตัวเลย ว่าอาการของท่านหนักขนาดไหน จริงๆแล้วในภาวะปกติ หัวใจคนเราจะเต้น 60-90 ครั้งต่อนาที หากออกกำลังกายจะเต้นเร็วกว่านั้น พยาบาลเริ่มเอายาหลายตัวมาให้คุณพ่อกิน และตัวสุดท้ายบอกให้อมไว้ใต้ลิ้น เพื่อบรรเท่าอาการแน่นหน้าอก

 

ผมเห็นคุณหมอปรึกษากัน สักครู่หนึ่งก็เดินเข้ามาคุยกับผม ว่าจะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีแผนก CCU หัวใจโดยเฉพาะ และมีคุณหมอเฉพาะทาง ที่เก่งมาก จากนั้น นำขึ้นรถพยาบาล โดยมีพยาบาลไปด้วยสองคน และผมก็ขึ้นรถพยาบาลไปด้วย ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้คิดว่า คุณพ่อผมจะมีอันตรายร้ายแรงได้สักเท่าไร เนื่องจากท่านก็ยังพูดคุยได้ปกติ แต่อาการแน่นหน้าอก ก็ยังคงแน่นมากในระดับที่ท่านตอบว่า 8 เต็ม 10 อยู่ตลอดเวลา ระหว่างอยู่ในรถที่กำลังส่งตัวไปยังโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พยายาบาลให้ยากระตุ้นหัวใจ หัวใจของคุณพ่อเต้นเร็วขึ้น จาก 40-50 ขึ้นมาเป็น ร้อยนิดๆ เมื่อเดินทางได้สักระยะหนึ่ง อาการปวดของคุณพ่อผมก็เพิ่มขึ้น และเริ่มแสดงอาการออกทางสีหน้า และหาวบ่อย คุณพยาบาลตัดสินใจ ให้รถจอดดูอาการที่โรงพยาบาลลืออำนาจ ที่อยู่ระหว่างทางก่อน

 

เมื่อถึงโรงพยาบาลลืออำนาจ ผมไม่แน่ใจว่าส่งตัวคุณพ่อไปทำอะไรบ้าง แต่เมื่อกลับขึ้นรถ ดูคุณพ่อผมปวดน้อยลง ไม่มีอาการหาวบ่อย และดีขึ้น ที่โรงพยาบาลลืออำนาจนี้ คุณหมอบอกผมว่า ญาติต้องทำใจไว้บ้าง ทุกคนที่เป็นโรคหัวใจนี้ 50 50 เป็นตายยังบอกไม่ได้ ผมก็เริ่มรู้สึกว่าชักจะยังไง ผมก็พูดออกไปว่า แต่ท่านยังดูแข็งแรงดีอยู่เลยนะครับ

 

เมื่อเดินทางมาถึงโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี คุณพ่อผมถูกส่งเข้าห้อง CCU ทันที พยาบาลก็นั่งคุยกับผม และเริ่มอธิบายให้ฟังว่า โรคหัวใจเฉียบพลัน หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด นี้อันตราย ถึงแม้ดูภายนอกเหมือนว่าคนไข้ดูแข็งแรงดี แต่เป็นอันตรายถึงเสียชีวิต จะยังตอบอะไรไม่ได้ จนกว่าคุณหมดจะฉีดสีเข้าไป เพื่อส่องกล้องดู ว่าเป็นอะไรมากขนาดไหน ถึงจะบอกได้ หลังจากฟังคุณพยาบาล ที่อธิบายอย่างละเอียดอยู่ครุ่หนึ่ง ผมก็เริ่มเข้าใจถึงอันตรายของโรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลันนี้

 

คุณหมดเข้ามา และเริ่มสั่งพยาบาลให้เตรียมนั่นนี้อย่างรวดเร็ว และย้ายคุณพ่อของผม ลงไปในห้องรักษาชั้นสอง ผมนั่งรออยู่ที่หน้าห้องรักษาอยู่ราวๆ ชั่วโมงเศษๆ ระหว่างนั้นคุณแม่และภรรยาของผมก็ตามมาถึง และนั่งรอด้วยกัน รออยู่ไม่นาน มีคุณพยาบาลออกมาตาม ให้ผมกับคุณแม่เข้าไปพบคุณหมอ

 

คุณหมดเปิดกล้องวีดีโอที่บันทึกไว้ ก่อนรักษาและหลังรักษา เป็นภาพเคลื่อนไหว ในร่างกายและหัวใจของคุณพ่อให้ดู พบว่า ก่อนรักษา มีเส้นเลือดหัวใจเส้นหนึ่ง ตีบตัน 100% และอีกเส้นหนึ่ง ตีบ 70% คุณหมอรักษามีภาพวีดีโอให้เห็น การสอดเส้นลวด เข้าไปในเส้นเลือดหัวใจที่ตีบตัน 100% เพื่อนำร่อง และให้เลือดไหลผ่านส่วนที่ตีบตั้นนั้นได้เป็นกปรกติ ภาพที่ผมเห็น คล้ายๆกับ วีดีโอ เลื่อนลงไปด้านล่างของบทความนี้ และกด Play ดูครับ

 

และจากนั้น ก็นำตัวคุณพ่อผมกลับไปยัง CCU ชั้น 3 เพื่อรอดูอาการ ทั้งหมดนี้ ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลอำนาเจริญ ส่งตัวมาโรงพยาบาลสรรพสิทธิประส่งค์ ซึ่งห่างกัน กว่า 70 กิโลเมตร และทำการรักษาจนเสร็จ และกับมาพักห้อง CCU ที่ให้เยี่ยมได้ ใช้เวลารวมกันไม่เกิน 5 ชั่วโมงครับ เป็นการทำงาน การประสานงานกัน การดูแลผู้ป่วยที่รวดเร็วมากๆ หลังจากออกจากห้องรักษาของคุณหมอ คุณพ่อผมออกจากห้องรักษา ก็ยังลืมตาใส พูดคุยหยอกล้อกับพยาบาลเป็นปรกติ แถมรักถามผมอีกว่า รักษาแล้วเหรอ พ่อนึกว่าตรวจเฉยๆ แต่ก็มอะไรปักอยู่ที่ขาหนีบ และผูกขาไว้ ไม่ได้พ่อผมลุกออกจากเตียง เพราะคุณพ่อผมแข็งแรงดี ทานข้าวจนหมดทุกมื้อเป็นปกติ แต่พยาบาลเขายังไม่อนุญาติให้ลุกจากเตียง เพราะอยู่ในระหว่างเฝ้าดูอาการครับ คุณพ่อผมก็เชื่อฟังคุณพยาบาลกับคุณหมอมากๆ คุณพยาบาลใจดีทุกคน คุณพ่อว่าอย่างนั้น 

 

คุณพ่อของผมได้ออกจากโรงพยาบาล ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2557 ซึ่งรวมเวลาแล้วก็ ซึ่งรวมเวลาแล้ว 5 คืนครับ เนื่องจากว่า ในระหว่างนั้น คุณหมอ และคุณพยาบาล ต้องการให้มีความมั่นใจ และรอดูอาการอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เพราะบ้างครั้ง เวลาให้ยาฆ่าเชื้อ อาจจะมีไข้ขึ้นบ้าง จึงต้องให้อยู่โรงพยาบาล เพื่อความมั่นใจ

 

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่บาทเดียว ในการรักษาครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างมาก สำหรับการตัดสินใจที่รวดเร็ว ของคุณหมออายุน้อย ที่โรงพยาบาลอำนาจเจริญ ซึ่งผมไม่ทราบชื่อเลย ขอบคุณ คุณพยาบาลทุกคน ที่โรงพยาบาลจังหวัดอำนาจเจริญ ที่ดูและเป็นอย่างดี คงเป็นเพราะวัฒนธรรมองค์กร ของโรงพยาบาล ที่สร้างมาอย่างดี รวมถึงจิตใจอันดีงามของทุกคน คุณพ่อของผม ถึงได้รับสิ่งที่ดีๆแบบนี้ ได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว

 

ขอบคุณ คุณหมอ และคุณพยาบาล ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ คุณพยาบาลที่นี่ ผมได้พูดคุยด้วยหลายคน ผมรับรู้ได้เลยว่า พยาบาลที่นี่ มีความรู้สูงมาก ชำนาญในอาชีพ หน้าที่การงาน มีอารมณ์ดี ให้ความสำคัญกับทั้งคนไข้ และญาติๆของคนไข้ คุณพยาบาลเรียกคุณหมอที่รักษาคุณพ่อผมว่า อาจารย์หมอ มีพยาบาลท่านหนึ่ง บอกผมว่า คุณหมอท่านนี้ เก่งที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผมขออนุญาติไม่เอ่ยชื่อ เพราะผมไม่ทราบว่าท่านต้องการให้เอ่ยชื่อหรือไม่ เนื่องจากไม่มีโอกาสคุยกับท่าน ได้ฟังแต่จากคุณพ่อ ว่าคุณหมอดูแลดีมากๆ พยาบาลใจดีทุกคน

 

และนอกจากนี้ ยังมีคุณหมออีกท่านหนึ่ง ที่มาถอดเข็มที่ ขาหนีบ ที่เป็นแผลจากการรักษาให้ คุณพ่อเล่าให้ฟังว่า คุณหมดท่อนกดแผลเพื่อห้ามเลือดไว้ อยู่อย่างต่อเนื่องราวๆ ครึ่งชั่วโมง คงเมื่อยมากๆเลย พ่อไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนรู้จัก ทำไมถึงทำให้พ่อได้ขนาดนี้ หลังจากคุณหมอกดให้ คุณพ่อบอกว่า แทบไม่รู้สึกเลย ว่าเคยมีแผลอยู่ตรงนั้น

 

นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน ตอนนี้คุณพ่อผมใช้ชีวิตปกติ ขับรถยนต์เองเหมือนเคย ซื่อกับข้าว ทำกับข้าวทานเอง แต่เปลี่ยนเมนู เป็นเหมือนที่คุณหมอและคุณพยาบาลแนะนำ กลายเป็นคนไม่ดื้อ เปลี่ยนไปเลย

 

ต้องขอบคุณประเทศไทยนี้ ที่ให้เราให้อาศัยอยู่ และเป็นประเทศที่มีสาธารณะสุขดีอันดับโลกแบบนี้ ต้องเรียกว่าเป็นความสุขของสาธารณะจริงๆ ทุกคนในประเทศไทยได้สิทธิประโยชน์อันนี้ แต่เรื่องโรคภัย ต้องเริ่มจากตัวคุณ สังเกตุตัวเอง และคนรอบข้าง และไปให้ถึงมือหมอครับ คุณพ่อผมเป็นกรณีศึกษาให้เห็นแล้ว ว่าการรักษากับโรงพยาลภาครัฐ ได้รับการดูแลที่ดี ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าโรงพยาบาลเอกชน และดีกว่าโรงพยาบาลเอกชนแพงๆหลายแห่งแน่นอนครับ กรุณาอย่าคิดว่าผมไม่เคยรับบริการจากเอกชน ภรรยาผมเป็นโรงหลอดเลือดสมอง รักษากับโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังมากๆในกรุงเทพครับ คุณแม่ผม ผ่าตัดซีสที่หัว ก็เข้าโรงพยาบาลเอกชนในราคาแพงมากๆ ที่อุบลราชธานี บริการไม่ดีเท่านี้ พยาบาลไม่เก่งเท่านี้ครับ ผมไม่ขอเอ่ยชื่อเช่นเดิม

 

 

ธนบัตร บัวแก้ว : IT Manager : FarmKaset.ORG

 

--------- ส่วนที่ 2 องค์ความรู้ที่ได้สืบค้นจากอินเตอร์เน็ต

 

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบส่วนหนึ่งสามารถรักษาด้วยยา หรือการใส่สายสวนหัวใจ ซึ่งไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่แต่สามารถทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจเพิ่มขึ้น


การทำบอลลูน angiography

ทางการแพทย์เรียก percutaneous tranluminal coronary angioplasty [PTCA]

คือการสวนสายผ่านทางผิวหนังเข้าหลอดเลือดหัวใจ เพื่อถ่างขยายหลอกเลือดแดงที่ตีบตัน ที่ปลายสายจะมี balloon ซึ่งจะเป่าลมขยาย balloon ซึ่งจะไปขยายบริเวณที่ตีบ และเมื่อเอาสายออก รูที่ถ่างจะคงขยายอยู่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการอบรมจะเป็นสวนสาย

 

 


เมื่อไรจึงจะใส่สายสวนหลอดเลือดหัวใจ

การใส่สายสวนหัวใจเป็นวิธีการแพทย์ เพื่อวินิจฉัยว่าเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบหรือไม่ แต่เนื่องจากการใส่สายสวน ก็อาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนได ้ดังนั้นจะต้องมีข้อบ่งชี้ในการตรวจ เช่น

หากท่านมีอาการเจ็บหน้าอก ซึ่งเหมือนกับกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดที่เรียกว่า Angina pectoris แพทย์อาจจะแนะนำท่านฉีดสี หรืออาจจะให้ท่านวิ่งสายพานก่อน หากผลวิ่งสายพานสงสัยว่าจะตีบมากแพทย์จะแนะนำให้ท่านฉีดสี
ผู้ที่เจ็บหน้าอกแบบ Unstable angina หรือ non Q mi
หากท่านเป็นโรคหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบและมีอาการเจ็บหน้าอกแบบ unstable angina

 

การใส่สายสวนหัวใจทำอะไรได้บ้าง

Balloon angioplasty. เมื่อทราบตำแหน่งที่เส้นเลือดแดงตีบ แพทย์จะใส่สายที่ปลายเหมือนลูกโป่ง เมื่อฉีดลมเข้าไปลูกโป่งจะขยายดันส่วนที่ตีบให้ขยายเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจเพิ่มขึ้น
Stent. A stentคือขดลวดเล็กๆเมื่อขยายหลอดเลือดเสร็จแพทย์จะใส่ขดลวดเล็กๆ เพื่อป้องกันไม่ให้หลอดเลือดตีบซ้ำ ขดลวดมีด้วยกันกลายชนิดการเลือดใช้ก็ขึ้นกับพิจารณญาณของแพทย์
Rotoblation. ปลายของเครื่องมือจะเหมือนหินขัดเพื่อกรอส่วนที่ตีบ ปัจจุบันไม่นิยมใช้กันแล้ว
Atherectomy. ปลายเครื่องมือจะมีมีดไว้ตัดเอาส่วนที่ตีบออก ปัจจุบันไม่นิยมทำแล้ว
สำหรับผู้ที่กล้ามเนื้อหัวใจตายชนิด ST Elevation จะมีลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดจึงได้มีการพัฒนาการรักษาโดยการใช้เข็มดูดเอาลิ่มเลือดออกก่อนที่จะทำบอลลูน

 

 วิธีการทำจะ

1 ใส่สายเข้าหลอดเลือดแดงไปถึงหลอดเลือด coronary ในบริเวณที่ตีบ

2 หลังจากนั้นจะบอลลูนเพื่อให้หลอดเลือดขยาย

3 และจะใส่ขดลวดกันหลอดเลือดตีบ

 

ขดลวดขยายหลอดเลือด

การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน
ข้อบ่งชี้ในการรักษาในการทำ Ballon Angioplasty

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบอย่างรุนแรง
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย
อาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรงที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา


ประโยชน์ของการรักษา

การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน จะช่วยดันไขมันที่อุดตันหลอดเลือดอยู่ให้ไปชิดผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดสามารถไหลผ่านจุดที่เคยตีบได้สะดวกขึ้น ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บหน้าอกน้อยลง หายใจได้เต็มที่ขึ้น และลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้

 

ขั้นตอนการรักษา

การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน (Balloon Angioplasty)

เป็นวิธีการขยายหลอดเลือดหัวใจซึ่งได้รับความนิยม เพราะไม่ต้องผ่าตัดและมีความปลอดภัย

 

ผู้ป่วยจะได้รับน้ำเกลือ และยาทางสายน้ำเกลือ
แพทย์จะฉีดยาชาซึ่งอาจเป็นบริเวณขาหนีบ ข้อมือ หรือข้อพับ
แล้วใส่สายสวนหัวใจ ซึ่งเป็นท่ออ่อนที่มีบอลลูนขนาดจิ๋ว ซึ่งยังแฟบติดอยู่ตรงปลายเข้าไปยังหลอดเลือดหัวใจตรงบริเวณที่ตีบ หรืออุดตัน
เมื่อสายสวนเข้าไปถึงจุดหมายที่ที่บริเวณหลอดเลือดตีบ จึงต่อสายบอลลูนเข้ากับเครื่องมือที่อยู่ภายนอกร่างกาย เพื่อดันให้บอลลูนขยายออก เบียดคราบไขมันหินปูนที่เกาะอยู่ที่ผนังหลอดเลือดให้ยุบแบนลง และขยายหลอดเลือดให้กว้างออก เพื่อให้เลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ดีอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงทำให้บอลลูนแฟบเหมือนเดิม แล้วดึงสายสวนหัวใจออกจากร่างกาย


ในบางกรณีแพทย์จะใส่ขดลวดเข้าไปด้วย เพื่อช่วยลดโอกาสที่หลอดเลือดจะตีบใหม่
ในกรณีที่แพทย์เห็นว่ารอยตีบยังขยายได้ไม่กว้างพอ ก็จะใส่ขดลวดเล็กๆ (stent) เข้าไปยึดติดกับผนังหลอดเลือด ในบางกรณีอาจมีการนำขดลวดที่เคลือบด้วยยามาใช้ แทนขดลวดธรรมดา ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขยายหลอดเลือดแล้ว ยังเพิ่มความปลอดภัย และลดปัญหาเรื่องการกลับมาตีบซํ้าอีกได้ด้วย แต่ขดลวดดังกล่าวมีราคาค่อนข้างสูง จึงขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์และผู้ป่วย

การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง

 

หลังขยายเส้นเลือดจะตีบอีกหรือไม่

หลังขยายผู้ป่วย หนึ่งในสามจะมีการตีบซ้ำ restenosis มักจะเกิดภายใน 6 เดือน แต่อย่างไรก็ตามผลการรักษาก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

 

ประโยชน์ของขดลวดขยายหลอดเลือด Stent

Stent คือขดลวดเล็กๆใส่เข้าหลอดเลือดแดงหลังจากถ่าง [balloon ]เรียบร้อยแล้วเพื่อป้องกันการตีบซ้ำ หลังใส่ขดลวดจะต้องกินยาละลายลิ่มเลือดสักระยะหนึ่ง ปัจจัยเสี่ยงมีอะไรบ้าง พบที่สำคัญคือ

 

ขยายหลอดเลือกไม่สำเร็จ หลอดเลือดตีบหลังจากขยายทำให้เกิด heart attack จำเป็นต้องผ่าตัดต่อเส้นเลือดฉุกเฉิน
ขณะเกิดหัวใจหยุดเต้นพบได้ร้อยละ 2-5
การเตรียมตัวก่อนการรักษา

 

ก่อนการทำแพทย์จะเลือด x ray หัวใจ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ต้องงดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืน ต้องงดอาหารและเครื่องดื่ม 6 ชั่วโมงก่อนรับการรักษา
หากหูตึงต้องใส่หูฟังเพื่อการสื่อสารกับแพทย์
หากท่านป่วยด้วยโรคอะไรต้องบอกให้หมด
บอกชื่อยาที่รับประทานโดยเฉพาะยาละลายลิ่มเลือด coumarin
ข้อดีของการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวด

 

โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนตํ่ากว่าการผ่าตัดบายพาส เพราะไม่ต้องทำการผ่าตัดและดมยาสลบ
ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลได้เร็วขึ้น (1-2 วัน) และกลับไปสู่ชีวิตปกติได้เร็วกว่า
สามารถทำซ้ำได้หลายครั้ง ในกรณีที่หลอดเลือดตีบแคบลงอีกในอนาคต


ใช้เวลาในการขยายนานเท่าไร

ใช้เวลาในการขยายหลอดเลือดประมาณ 30 นาที-3 ชั่วโมง

 

จะต้องดมยาสลบหรือไม่

ใช้เพียงแค่ยาชาฉีดเท่านั้น และอาจให้ยาคลายเครียด เนื่องจากขณะขยายหลอดเลือดแพทย์จะต้องได้รับความร่วมมือ เช่น ไอ พลิกตัว หรือหายใจแรงๆ

 

ขณะขยายหลอดเลือดเจ็บหรือไม่

ขณะขยายหลอดเลือดจะไม่เจ็บแต่จะแน่นหน้าอกเมื่อแพทย์ฉีดลมเข้าใน balloon หลังขยายอาจจะมีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ หลังจากขยายหลอดเลือดอาจจะมีอาการปวดแผลแพทย์จะจ่ายยาแก้ปวด ผู้ป่วยพักในโรงพยาบาล 2-3 วันถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อน

 

จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรหลังจากขยายหลอดเลือด

หลังจากที่ตรวจเสร็จจะต้องนอนราบประมาณ8 ชั่วโมง ผู้ป่วยจะต้องพักอยู่ในห้องพักฟื้นเพื่อสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด อาจจะนอนหนุนหมอนสองใบหลังจากทำไปแล้วสองชั่วโมง ระหว่างนี้ควรจะรับประทานอาหารที่เป็นน้ำ หลังการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน โดยผู้ป่วยอาจกลับบ้านได้ภายในวันที่ตรวจ หรืออาจต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1-2 วัน ขึ้นกับอาการของผู้ป่วย ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องนอนราบอยู่นิ่งๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง และต้องกดบริเวณที่ถอดสายสวนไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดออก

 

โรคแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น

 ติดเชื้อ มีเลือดออกหรือปวดบริเวณที่ใส่สายสวน จะมีไข้ ผิวบริเวณที่แทงเข็มจะปวด บวม แดง ร้อน

เกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดหัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
หลอดเลือดเกิดตีบขึ้นมาใหม่
หลอดเลือดได้รับความเสียหาย
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ไตมีปัญหาจากการขับสารทึบรังสีออกจากร่างกายเกิดภาวะไตเสื่อม
แพ้สารทึบรังสีที่ใช้ในการตรวจรักษาอาจจะเกิดอาการช็อค
มีของเหลวคั่งรอบหัวใจที่เรียกว่า pericardial effusion
เส้นเลือดในสมองอุดตัน (อุบัติการณ์น้อยกว่า 0.2 %) เกิดโรคสมองขาดเลือด
เสียชีวิต (อุบัติการณ์น้อยกว่า 0.5 %)


หากมีอาการดังต่อไปนี้ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ

วิงเวียนศีรษะ
หายใจติดขัด
หัวใจเต้นเร็ว
คลื่นไส้
ปวดหลัง
แน่นหน้าอกทันทีเมื่อพักหรืออมยาแล้วไม่หาย
บริเวณที่ใส่สายสวนมีเลือดออก เกิดรอยช้ำขึ้นใหม่ หรือบวม
มีอาการที่แสดงว่าติดเชื้อ เช่น แผลแดง มีน้ำเหลืองหรือมีไข้
เมื่อกลับบ้านจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร

ดำเนินชีวิตตามปรกติ ควรทำอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป โดยผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมที่เคยทำได้ทุกอย่าง หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว 1-2 สัปดาห์
หลีกเลี่ยงการออกกำลังที่เครียดต่อหัวใจ เช่น การยกน้ำหนัก ควรออกกำลังกายด้วยการเดินตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาลวันละ 2 ครั้งเริ่มเดินช้าๆ เมื่อรู้สึกเหนื่อยให้หยุด และเพิ่มระยะเวลาในการเดิน 15 นาทีต่อวันรวมทั้งเพิ่มความเร็ว


ไม่ควรทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงในการดึง ผลักดันหรือยกขึ้น หรือการนั่งคุกเข่า ซึ่งจะมีผลทำให้เลือดออกบริเวณที่แทงเข็ม


หลีกเลี่ยงการออกกำลังหรือกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมากอย่างน้อย 10 วัน


รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ และไม่ควรรับประทานยาอื่นๆ โดยไม่ปรึกษาแพทย์


หากมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกให้หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ทันที ถ้าพักแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นใน20นาทีให้ปรึกษาแพทย์


ดูแลบริเวณรอยเข็มแทงที่ขาหนีบให้แห้งและสะอาดเสมอจนกว่าแผลจะหายสนิท ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีอาการแดง บวม และปวดมาก นอกจากนี้ หากมีอาการเลือดออกที่รอยเข็มแทง ให้กดเหนือรอยเข็มอย่างน้อย 10 นาที ถ้าเลือดยังไม่หยุดให้รีบปรึกษาแพทย์


ต้องลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดตีบ รับประทานยาตามแพทย์สั่ง ถ้ามีการตีบซ้ำแพทย์จะทำการใส่ขดลวด Stent แพทย์จะนัดผู้ป่วยวิ่งสายพานว่ามีการตีบของหลอดเลือดหรือไม่

 

ข้อจำกัดของการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวด

ลักษณะการตีบบางอย่างไม่เอื้อต่อการทำบอลลูน
มีโอกาสกลับมาตีบซํ้าได้อีกตรงบริเวณเดิม เนื่องจากกระบวนการ "สมานแผล" ตามธรรมชาติของร่างกาย

 

จะต้องดมยาสลบหรือไม่

ใช้เพียงแค่ยาชาฉีดเท่านั้น และอาจให้ยาคลายเครียด เนื่องจากขณะขยายหลอดเลือดแพทย์จะต้องได้รับความร่วมมือ เช่น ไอ พลิกตัว หรือหายใจแรงๆ

ต้องลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดตีบ รับประทานยาตามแพทย์สั่ง ถ้ามีการตีบซ้ำแพทย์จะทำการใส่ขดลวด Stent แพทย์จะนัดผู้ป่วยวิ่งสายพานว่ามีการตีบของหลอดเลือดหรือไม่

 

โรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลับ

 

การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
อ้างอิง siamhealth.net


อ่านเรื่องนี้แล้ว : 14173 คน £




ความคิดเห็นจากผู้อ่าน:

สุรชัย
[email protected]
ผมจำเป็นต้องใช้รถออกมาผมก็ขับรถกลับบ้านเองจะเป็นอะไรหรือป่าวครับ รถกะบะเกียออโต้ครับ
05 ต.ค. 2560 , 01:50 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ส่งความคิดเห็น

 

 
   
   

เลือกหมวด :

แสดงเนื้อหารวมจากทุกหมวด, สินค้าเกษตร, ไอเดียและเทคโนโลยีเกษตร, รวม VDO เด่นจาก FK, นาข้าว, เศรษฐกิจเกษตร, ภาพถ่ายเกษตร, ไร่อ้อย, มันสำปะหลัง, ยางพารา, ปาล์มน้ำมัน, ไร่ข้าวโพด, ผักและการปลูกผัก, การปลูกพืช, ไม้ผล ไม้ยืนต้น, เกษตรน่ารู้, สมุนไพร, ไม้มงคล, พุทธศึกษา, FK Talk, สุขภาพ, การใช้ SUN กับพืชต่างๆ, แอพฯด้านเกษตร, ไม้ดอก ไม้ประดับ, องค์กรด้านเกษตร, ซื้อขายที่ดิน, ห้องปศุสัตว์, ประมง, เกษตรกรตัวอย่าง, ฟาร์มเกษตรพาเที่ยว, FK Freestyle, Agri live update, ออแกนิกส์, จักรกล, อุปกรณ์การเกษตร, ไร่กาแฟ,


แสดงทั้งหมดใน [สุขภาพ]:
ผักกาดแก้วอบซีอิ๊ว สูตรจากรายการทีวีญี่ปุ่น
ผักกาดแก้วทั้งหัว นำมาหั่นครึ่ง แล้วเอาไปอบในหม้อใส่น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ และ โป้ยกั๊ก 1 ดอก หิดฝา อบจนผักสุก ปรุงรสด้วย..
อ่านแล้ว: 7227
แกงส้มชะอมไข่ : และเทคนิคการเจียวไข่ชะอมให้อร่อย
แกงส้มชะอมไข่ - เมนูแกงส้ม เป็นของโปรดปรานของหลายๆคนเลย วันนี้เรามาดูเคล็ดลับ ที่จะไม่ลับอีกต่อไป การทำ แกงส้มชะอมไข่
อ่านแล้ว: 10777
กระเทียมโทน น้ำมะนาว คุมเบาหวาน เกาต์
กระเทียมโทน น้ำมะนาว - ใช้คุมน้ำตาลในเลือด หรือ เบาหวาน และยังช่วยควบคุมโรค เกาต์ ได้อีกเช่นกัน
อ่านแล้ว: 12827
ผ่าตัดนิ่วในไตเจอ 420 ก้อน เหตุกิน เต้าหู้ มากเกิน!
แพทย์วินิจฉัยว่า สาเหตุของการเกิดนิ่วจำนวนมากนั้น มาจากการบริโภค เต้าหู้ อาหารยอดนิยมของท้องถิ่นมาเกินพอดี
อ่านแล้ว: 8436
อาหารที่ก่อให้เกิด โรคมะเร็ง
โรคมะเร็ง นับเป็นโรคภัยอันดับหนึ่ง ของการเสียชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน เราลดความเสี่ยงได้ โดยการเลือกทานอาหารง่ายๆ..
อ่านแล้ว: 9489
ข้าว อาหารแปลกใหม่เพื่อสุขภาพ
รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เปิดคอร์สสุขภาพสำหรับประชาชนทั่วไป รอบนี้หัวข้อ ความลับของข้าว…เพื่อสุขภาพที่ดี ด้วยวิถีภูมิปัญญา
อ่านแล้ว: 8054
พิษสงของ ผงชูรส
ผงชูรส นอกจากไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการอาหารแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังมีอันตรายใหญ่หลวง มาดูกันว่า ผงชูโรค มีอันตรายใดบ้าง
อ่านแล้ว: 9236
หมวด สุขภาพ ทั้งหมด >>