สินค้าเกษตรไทย กับเขตการค้าเสรีอาเซี่ยน

เขตการค้าเสรีอาเซี่ยน หรือ อาฟต้า (AFTA)  เป็นข้อตกลงทางการค้าของอาเซียน (ASEAN) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีวัตถุดิบ มีผลผลิตทางการเกษตรอย่างอุดมสมบูรณ์ และมีสินค้าอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับที่ผลิตได้ในส่วนต่างๆ ของโลก ทั้งยังเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพทางการซื้อสูง  การทำความตกลงที่จะลดภาษี และลดมาตรการกีดกันทางการค้า ระหว่างกัน อาจจะเป็น สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตร รวมไปถึง ในเรื่องการค้าภาคบริการด้วย  ตั้งขึ้นเมื่อปี 2535

มีสมาชิกรวม 10 ประเทศ ได้แก่

ไทย
ลาว
บรูไน
อินโดนีเซีย
มาเลเซ๊ย
ฟิลิปปินส์
สิงคโปร์
เวียดนาม
พม่า
กัมพูชา
พันธกรณีภายใต้อาฟต้า ไทยขะต้องยกเลิกโควตาและลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตร จำนวน 23 รายการ ให้เหลือ 0% ในปี 2553 มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป

สินค้าเกษตรทั้ง 23 รายการ ได้แก่

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
กากถั่วเหลือง
น้ำมันถั่วเหลือง
น้ำมันปาล์ม
หอมหัวใหญ่
เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่
กระเทียม
มันฝรั่ง
ไหมดิบ
ลำไยอบแห้ง
พริกไทย
น้ำตาล
ใบยาสูบ
ชา
เมล็ดกาแฟ
กาแฟสำเร็จรูป
น้ำนมดิบ
นมผงขาดมันเนย
มะพร้าวผล
เนื้อมะพร้าวแห้ง
นำมันมะพร้าว
เมล็ดถั่วเหลือง
ข้าว
 

ถ้าจะแบ่งกลุ่มผลกระทบสินค้าเกษตรทั้ง 23 ชนิด แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มดังนี้

กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมาก มี 4 รายการได้แก่  ข้าว น้ำมันปาล์ม เมล็ดกาแฟ ไหมดิบ
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบปานกลาง มี 4 รายการ ได้แก่ ชา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มะพร้าวผล เนื้อมะพร้าวแห้ง
กลุ่มได้รับผลกระทบน้อย มี 11 รายการ กาแฟสำเร็จรูป น้ำมันดิบ นมผงขาดมันเนย น้ำมันมะพร้าว กระเทียม เมล็ดถั่วเหลือง หอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง พริกไทย น้ำตาลทราย ใบยาสูบ
กลุ่มไม่ได้รับผลกระทบ มี 4 รายการ ได้แก่ ลำไยแห้ง เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ น้ำมันถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง
 

ผลกระทบที่เกิดจากการเปิดเสรีการค้าสินค้าเกษตร

ผลดี

ไทยสามารถส่งออกได้มากขึ้น สินค้าไทยมีราคาถูกลงในสายตาของผู้บริโภค อาเซี่ยนที่มีประชากรเกือบ 500 ล้านคน สินค้านำเข้าที่เป็นวัตถุดิบราคาจะถูกลง

ผลเสีย

เกษตรกรบางสาขาจะได้รับผลกระทบด้านราคาสินค้าที่ต่ำลง เกษตรกรจะต้องปรับตัวเองไปผลิตสินค้าที่สามารถแข่งขันได้

ส่งความคิดเห็น