ธนินท์ เสนอใช้ทฤษฎี 2 สูง แก้วิกฤติเงินเฟ้อและเศรษฐกิจของประเทศ...

 คุณ ธนินท์ เจียรวนนท์ ผู้บริหาร CP ได้พูดเรื่องนี้ไว้ และหลายคนคงได้ฟังกันมาแล้ว เพราะมีการถ่ายทอดออกทางสื่อต่างๆมากมายครับ ฟาร์มเกษตร เลยเก็บมาจาก mcot อีกครั้ง สำหรับหลายคนที่อาจจะยังไม่ได้รับข่าว เห็นว่าเป็นเรื่องที่นาสนใจครับ เลยเอามานำเสนออีกครั้ง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 กทม. 2 มิ.ย. - "ธนินท์ เจียรวนนท์" ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวในงานสัมมนา ”ทางเลือกสุดท้าย ทางรอดของประเทศ” ในหัวข้อ “ทฤษฎี 2 สูง ทางเลือกสุดท้าย ทางรอดของประเทศ” ย้ำสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ เป็นวิกฤติเศรษฐกิจและวิกฤติอาหารของโลก

นายธนินท์ กล่าวว่า อาหารของมนุษย์จะถูกกว่าอาหารของเครื่องจักรไม่ได้ หากถูกกว่าแสดงว่าผู้บริหารประเทศมีปัญหา ซึ่งการที่มองว่าราคาข้าวไม่น่าจะปรับลดลง เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรอื่น ทั้งยางพารามีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง อ้อยและมันสำปะหลังซึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทน เมื่อราคาสูง เกษตรกรจะหันไปปลูกพืชดังกล่าวมากขึ้นไปด้วย ทำให้พื้นที่ปลูกข้าวน้อยลง ดังนั้น ข้าวจะยังมีราคาสูง และยังเรียกร้องให้รัฐบาลเจรจากับจีน อินเดีย และเวียดนาม เพื่อเป็นผู้กำหนดราคาข้าวจำหน่ายในตลาดโลก ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้ซื้อมาเป็นผู้กำหนดราคา เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจทั่วโลกหลังจากเติบโตสูงขึ้น มีผู้บริโภคข้าวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่พื้นที่ปลูกข้าวคงที่และมีแนวโน้มลดลง ข้าวจึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ไทยควรจับมือกับประเทศผู้ส่งออก

ส่วน การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า รัฐบาลควรพยายามแทรกแซงหรือช่วยเหลือให้ราคาสินค้าเกษตรปรับสูงขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางจัดทำข้าวถุงธงฟ้า ควรนำเงินดังกล่าวไปใช้ปรับค่าครองชีพหรือเงินเดือนให้ส่วนต่าง ๆ น่าจะได้ผลดีกว่า ดังนั้นการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพในปัจจุบัน ควรจะปล่อยให้ราคาสินค้าปรับขึ้นตามกลไกตลาด ไม่ควรมีการควบคุม เพราะจะไปกดราคาสินค้าเกษตรให้ตกต่ำไปด้วย แต่รัฐบาลควรหาแนวทางปรับเพิ่มเงินเดือนหรือค่าครองชีพให้ข้าราชการและ รัฐวิสาหกิจเพื่อให้มีรายได้สูงขึ้น เพราะเมื่อสินค้าราคาแพง ประชาชนจะรู้จักประหยัดและใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็นด้วยตนเอง ซึ่งนับเป็นทฤษฎี 2 สูง ในการปล่อยราคาสินค้าสูงขึ้นและปรับรายได้ตามไปด้วย ไม่เป็นปัญหาเงินเฟ้อ แทนที่จะกดราคาสินค้าให้ต่ำ แต่มีรายได้ไม่สูง เมื่อเผชิญปัญหาเงินเฟ้อจะได้รับผลกระทบมากกว่า

นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวในหัวข้อ "ยุคทองสินค้าเกษตรไทย จริงหรือ?" โดยย้ำว่า สินค้าเกษตรของไทยสร้างมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท แต่ถ้าจะให้สินค้าเกษตรของไทยเข้าสู่ยุคทอง ต้องสร้างความสมดุลให้กับสังคมในชุมชนและสังคมเมือง การสร้างความสมดุลราคาสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับสินค้าอุตสาหกรรมและการส่ง เสริมให้ความรู้แก่เกษตรกร โดยวิ่งตามให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในยุคใหม่ เพื่อให้เกษตรกรรายย่อยสามารถดูแลความเสี่ยง การทำตลาด และพัฒนาสินค้าได้มากขึ้น เพราะการสนับสนุนในเบื้องต้นเพื่อให้เกษตรกรผลิต หรือทำตลาดด้วยตนเองจะเผชิญปัญหามากกว่า ดังนั้น รัฐบาลควรเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดและทำอย่างจริงจัง รวมถึงการสร้างภูมิคุ้มกันต่อสิ่งที่เปลี่ยนแปลง เพราะจะทำให้เกษตรกรดูแลตัวเองได้. -สำนักข่าวไทย

ส่งความคิดเห็น